18/10/50

รู้ใหม...ผู้หญิงต้องการอะไรจริงๆ

> กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว..... อาเธอร์ถูกจับและจะประหารชีวิต แต่กษัตริย์เสนอให้เขาเป็นอิสระ
> > > ถ้าหากเขาสามารถตอบปัญหาแสนยากข้อหนึ่ง ได้ถูกต้อง
> > > อาเธอร์มีเวลาหาคำตอบ 1 ปีเต็ม ถ้าเขาตอบไม่ได้ เขาก็จะถูกประหาร
> > > > > คำถามนั้น คือ ............สิ่งที่ผู้หญิงต้องการจริงๆ คืออะไร ?"
> > > ปัญหาดังกล่าวช่างยากเย็นจนแม้นักปราชญ์ที่ฉลาดก็ยังงุนงง
> > > เขากลับไปยังอาณาจักรของเขาและเริ่มหาคำตอบจากทุกผู้คน แต่ไม่มีใครให้คำตอบที่น่าพอใจได้
> > > คนส่วนมากจะแนะนำให้เขาไปปรึกษาเรื่องนี้กับยายแม่มดแก่ ซึ่งน่าจะเป็นผู้เดียวที่จะรู้คำตอบ
แต่ราคา > ค่าปรึกษาคงจะแสนแพง > > > > แล้ววั นสิ้นปีก็มาถึง
> > > อาเธอร์ไม่มีทางเลือกอื่น แม่มดตกลงจะให้คำตอบ
> > > แต่อาเธอร์ต้องยอมรับเงื่อนไขแลกเปลี่ยนก่อน
> > > นังแม่มดต้องการแต่งงานกับกาเวน อัศวินผู้ทรงเกียรติสูงสุดของเหล่าอัศวินโต๊ะกลม และเป็นเพื่อนที่ > สนิทที่สุดของอาเธอร์
> > > อาเธอร์หนุ่มถึงกับสยองขวัญเพราะยายแก่หลังโกงเหม็นก็เหม็น มีฟันเหลือซี่เดียว ตัวก็เหม็นเหมือนถัง
> ส้วมชอบทำเสียงประหลาดน่ารังเกียจ > > > > >>>>>>>>
>>เขาปฏิเสธที่จะให้เพื่อนรักแต่งงานกับหล่อน
> > > ฝ่ายกาเวนพอได้รับรู้ถึงข้อเสนอนั้น เขายอมแต่งงานเพื่อชีวิตของอาเธอร์ และการดำรงอยู่ของอัศวิน > โต๊ะกลม
> > > และยายแม่มดก็ให้คำตอบต่อคำถามของอาเธอร์ > > > " สิ่งที่ผู้หญิงต้องการจริงๆ ก็คือการได้เป็นตัวของตัวเอง "
> > > ทุกคนทราบได้ทันทีว่าแม่มดได้กล่าวอมตะวาจาอันยิ่งใหญ่ และอาเธอร์ก็รอดพ้นจากการประหารแน่นอน
&g t; > > และก็เป็นเช่นนั้นจริง > > > > >>>>>>>> >> > > > แต่ทว่า........งานแต่งงานของกาเวนกับนังแม่มดช่างเหลือรับจริงๆ > > > > >>>>>>>> >>กาเวนสง่าผ่าเผยเช่นปกติ ทั้งสุภาพอ่อนน้อม
> > > ส่วนฝ่ายนังแม่มดเฒ่านั้นออกลายนิสัยเลวสุดเดช ทั้งกินมูมมามด้วยสองมือ ทั้งเรอ ทั้งตด
> > > ทุกผู้คนต่างรู้สึกอึดอัด และแล้วยามค่ำของวันส่งตัวก็มาถึง
> > > กาเวนได้ปลอบตนเองพร้อมรับคืนสยองเขาก้าวเขาสู่ห้องนอนวิวาห์ > > > > >>>>>>>> >>ช่างไม่เชื่อสายตาตนเอง!!!! > > > > >>>>>>>> >>หญิงสาวแสนสวยที่สุดที่เคยพบพานนอนรออยู่เบื้องหน้า
> > > กาเวนงุนงง ???? สาวแสนสวยเฉลยว่า เพราะกาเวนช่างแสนดีกับหล่อน (เมื่อยามเป็นแม่มด) > >
> > >>>>>>>> >>ดังนั้นครึ่งหนึ่งของวัน เธอจะอยู่ในสภาพพิกลพิการน่ารังเกียจ > > > > >>>
>>>>> >>ส่วนอีกครึ่งหนี่งของวัน เธอจะอยู่ในร่างแสนสวยนี้ > > > > >>>>>>>> >>กลางวันเขาอยากให้เธอเป็นแบบไหน? > > > > >>>>>>>>กลางคืนอยากให้เป็นแบบไหน? > > > เป็นคำถามที่ช่างโหดร้าย!!! > > > กาเวนเริ่มคิดไตร่ตรอง
> > > หญิงสาวสวยยามกลางวันเพื่ออวดต่อเพื่อนฝูง แต่กลางคืนเมื่ออยู่สองต่อสองเป็นยายแม่มด?
> > > หรือว่าเขาควรจะเลือกยายแม่มดตอนกลางวัน แล้วได้สาวสวยเพื่อเริงระบำยามค่ำคืนดี?? >
>> > > > เป็นคุณหล่ะ คุณจะเลือกอย่างไร ??? กรุณาหยุดคิดสักนิดเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ค่อย scroll ลงไปอ่าน > นะ > > > > >>>>>>>> >> > > ; > > >>>>>>>> >>ยังไม่ถึง > > > > >>>>>>>> >> > > > > >>>>>>>> >>อีกหน่อยนะ > > > > >>>>>>>> >> > > > > >>>>>>>> >>ใกล้แล้ว ๆ > > > > >>>>>>>> >> > > > > >>>>>>>> >>เอาละ.. ถึงเสียที > > > > >>>>>>>>
>>(เมื่อได้คำตอบของคุณแล้ว > > > > >>>>>>>> >>อ่านคำตอบของกาเวนที่อยู่ข้างล่างนี้ ) > > > > >>>>>>>> >> >
> > กาเวนตอบว่า "เขาขอมอบให้เธอเป็นผู้ติดสินใจเลือกเอง" > >
> เมื่อเธอได้ยินดังนั้น เธอจึงประกาศก้องว่าเธอจะสวยตลอดเวลา เพราะ เขาได้ให้ความเคารพและให้
> เธอเป็นตัวของตัวเอง > > > > >>>>>>>> >> > > > > >>>>>>>> >>นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า...
> > > > >>>>>>>> >>1.. ผู้หญิงไม่ว่าจะสวยหรือจะน่าเกลียด ลึกๆ ข้างในเธอก็คือ "แม่มด" > > >
>>>>>> >>2.. ผู้หญิงจะกลายร่างเป็นแม่มดหรือเป็นสาวแสนสวยเมื่อไหร่นั้นขึ้นอยู่กับความ > ประพฤติของผู้ชาย

วิตามินซี กับอาหารประเภทกุ้ง

ไต้หวัน-- -- หญิงคนหนึ่งเลือดออกทางทวารทั้ง 7 โดยไม่รู้สาเหตุ
เสียชีวิตในข้ามคืนเดียว จากการชันสูตรศพเบื้องต้น ลงความเห็นว่าตายเพราะพิษสารหนู
แล้วสารหนูมาจากไหนล่ะ ตำรวจเริ่มสืบสวนในวงกว้าง
และเชิญศาสตราจารย์นิติเวชมาร่วมคลี่คลายคดี ศาสตราจารย์ตรวจวิเคราะห์สิ่งตกค้างในกระเพาะ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เปิดโปงสาเหตุการตายฉับพลัน
"ผู้ตายไม่ได้ฆ่าตัวตาย ไม่ได้ถูกลอบสังหาร แต่ตายเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ถูกมันฆ่า" ศาสตราจารย์ฟันธง
ผู้คนงงเป็นไก่ตาแตก อะไรคือ"มันฆ่า" แล้วสารหนูมาจากไหน
ศาสตราจารย์กล่าวว่า สารหนูเกิดในกระเพาะผู้ตาย ผู้ตายกินวิตามินซีทุกวัน
นี่ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่เธอกินกุ้งจำนวนมากในมื้อเย็น กินกุ้งโดยลำพังก็ไม่มีปัญหา
คนในบ้านกินกันก็ไม่เห็นเป็นไร แต่ผู้ตายกินวิตามินซีพร้อมกันด้วย ปัญหาจึงเกิดตรงนี้แหละ

นักวิจัยมหาวิทยาลัยชิคาโกเคยทำการทดลอง
พบว่าสัตว์เปลือกอ่อนเช่นกุ้งมีสารประกอบอาเซนิกเข้มข้นในปริมาณสูง
สารประกอบชนิดนี้เข้าไปอยู่ในร่างกายก็ไม่มีพิษภัยอะไร แต่เมื่อรับประทานวิตามินซีพร้อมกัน
จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้สารประกอบเดิมที่มีสูตรเคมี As2O5 หรืออาเซนิกออกไซด์ซึ่งไม่มีพิษ
กลายเป็นสารประกอบที่มีสูตรเคมี As2O3 หรืออาเซนิกไตรออกไซด์ซึ่งมีพิษ
หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่าสารหนูนั้นเอง
พิษสารหนูจะทำให้การทำงานของเส้นโลหิตฝอยและเอนไซม์ของซัลฟีดรีลขัดข้อง

เกิดอาการเลือดคั่งในหัวใจ ตับ ไต และลำไส้ เซลล์ผิวหนังตายด้าน เส้นโลหิตฝอยขยายตัว
ดังนั้น ผู้ที่รับพิษจนตาย จะมีเลือดออกทางทวารทั้งเจ็ด
เพราะฉะนั้น ในระยะที่รับประทานวิตามินซี ต้องงดกินอาหารประเภทกุ้ง เพื่อความไม่ประมาท

ป่าไม้เมืองไทย..

แล้ววันนั้นก็มาถึงอยากส่งถึงทุกท่านในประเทศไทยจัง!!!
.. บางท่านอาจแปลกใจที่ทำไมธรรมชาติจึงได้โหดร้ายรุนแรงขึ้นทุกวันแต่สำหรับฉันแล้ว..
ไม่แปลกใจเลยสักนิดทำไมน่ะหรือ.. เพราะเห็นตำตาอยู่ทุกวี่วันแถมขยายวงกว้างออกไปอย่างรวดเร็ว.. ..ภาพแรกผืนพรมสีเขียว..ป่าอันอุดมสมบูรณ์ของลุ่มน้ำสาละวิน..
ที่มันยังคงเขียวอยู่ได้เพราะอยู่ห่างไกลผู้คน..
แถมดินแดนแถบนี้ยังมีการรบของชนกลุ่มน้อยอยู่ตลอดเวลา..
มีแต่ทหารเท่านั้นถึงจะกล้ามายังดินแดนแถบนี้.. .. เมื่อมีความเจริญ..มีการพัฒนา
(ในภาษาของธรรมชาติการพัฒนาของมนุษย์คือ..การทำลายล้างธรรมชาติ)
มีถนนลากยาวไปถึงไหนก็บรรลัยวายวอดที่นั่น..ป่าเริ่มถูกเปิดบริสุทธิ์..จุดเริ่มต้นของหายนะ.. ..
ท่านอาจไม่เชื่อว่ามนุษย์มีพรสวรรค์ในทางทำลายล้างอย่างหาสัตว์พันธ์ไหนมาทาบรัศมีได้ยาก
ภูเขาบางลูกมีอายุยืนยาวมานับร้อยนับพันปีแต่มนุษย์เพียงคนเดียวสามารถถากถางป่าจนเหี้ยนได้ภายในเวลาไม่กี่วัน
ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นจุดสีขาวๆ เล็ก ๆ อยู่ 2-3 จุดด้านบนขวามือนั่นเป็นกระท่อมหลังน้อยที่ผู้บุกรุกอาศัยอยู่..คนไม่น่าจะเกิน 5 คนแต่สามารถ่ทำลายป่าจนภูเขาหมดเป็นลูกๆ น่าชื่นชมซะไม่มี
เมื่อมีผู้ว่าราชการมารับตำแหน่งใหม่ๆ ท่านได้ขอ ฮ.ทบ.เพื่อบินสำรวจอาณาเขตป่าที่ท่านต้องรับผิดชอบก่อนขึ้นเครื่องท่านได้พูดถึงนโยบายที่วาดไว้สวยหรูเรื่องการอนุรักษ์ป่า จนฉันฟังแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก แถมยังแอบอมยิ้ม..
ท่านบอกว่ากับพวกฉันว่า"ถ้าระหว่างบินไปทำงานแล้วพบเจอว่ามีการตัดไม้ทำลายป่าให้แจ้งท่านเป็นการส่วนตัวได้ตลอดเวลา" ..ยิ่งบินลึกเข้าไปในป่า.เสียงของท่านผู้ว่า ฯ ก็เบาลงเรื่อยๆบางช่วงก็ถึงกับเงียบจนฉันต้องหันไปมองดูว่าท่านยังสบายดีอยู่หรือเปล่า
ฉันกลัวว่าท่านจะช็อกกับภาพที่เห็นกระจะตาอยุ่เบื้องล่างและเป็นการได้เห็นด้วยตาของตนเองต่างจากรายงานบนแผ่นกระดาษอย่างสิ้นเชิง ภูเขาหมดเป็นลูกๆ แบบนี้บ้านฉันเรียกว่า "วายวอด" ไม่ใช่การบุกรุกป่าแต่เป็นการทำลายล้างป่าต้นน้ำของประเทศไทยให้สูญพันธ์ไปอย่างรวดเร็วที่สุด ท่านผู้ว่าฯ ของฉันไม่ได้ถึงกับเงียบจนเกินไปนักเพราะบางช่วงแม้เสียงใบพัด ฮ.จะดังสนั่นหวั่นไหวหูฉันอาจฝาดไปก็ได้..เพราะฉันคิดว่าฉันได้ยินเสียงท่านผู้ว่าฯ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าอุดมการณ์อันแรงกล้าของท่านที่จะยืนหยัดรักษาป่าต้นน้ำไว้ให้ลูกหลานคนไทย จะยังคงเหนียวแน่นมั่นคงอยู่หรือเปล่า..ในยามที่ได้มาเห็นความจริงต่อหน้าต่อตาแบบนี้..
ไม้มีค่าจำพวก "ต้นสักทอง" จะถูกตัดโค่นและขนลำเลียงออกมาก่อนส่วนที่เหลือก็ไม่มีความหมายอันใด จัดการฌาปนกิจป่าทั้งป่าให้ไปสู่ที่ชอบที่ชอบ ยามเมื่อคนตัดไม้เหน็ดเหนื่อยยังมีเวลาได้พัก ตกกลางคืนก็มีเวลาได้นอนหลับพักผ่อนมีเวลาให้ป่าได้พักจากการถูกทำลายแต่การทำลายป่าด้วยวิธีการเผา ไฟป่าจะโหมไหม้ตลอด 24 ชม.
ไม่มีเวลาได้หยุดพักไฟจะลามต่อเนื่องกินพื้นที่นับร้อยนับพันไร่เพียงข้ามคืน ท่านลองดูด้วยตาจะเห็นว่าควันไฟจากการเผาทำลายป่ามันสามารถทำให้ป่าทั้งป่ามืดคลึ้มท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้ากลับกลายเป็นสีเทาผมไม่ได้หมายถึงป่าจำนวน 10 หรือ 100 ไร่แต่มันหมายถึงป่าที่ฉันมองไปจนสุดสายตาแต่ไม่เห็นอะไรเลย..นอกจากควันไฟ.. ..
แล้วเมืองก็ผุดขึ้นกลางป่า..กลางหุบเขา..รีสอรท์เอย..โรงแรมเอย..ไหนจะสนามกอล์ฟไร่ส้ม..พืชผักปลอดสารพิษ.ภาพนี้ถ่ายจากอำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่.. ..รีสอร์ทกลางหุบเขาของใครเอ่ยยย ขอเชิญท่านมาเป็นแขกของเราบรรยากาศท่ามกลางขุนเขา..อากาศบริสุทธิ์..และถ้าท่านใดเคยเป็นลูกค้ารีสอร์ทประเภทนี้
ขอยินดีกับท่านด้วยที่ท่านเป็นหนึ่งในผู้เห็นดีเห็นงามกับการทำลายป่าเงินของท่านจะได้เป็นส่วนหนึ่งของกองทุนในการทำลายป่าขยายกิจการของรีสอร์ทออกไปให้เจริญรุดหน้ายามที่ท่านตื่นขึ้นยาม เช้า..เดินไปออกไปชื่นชมธรรมชาติที่ระเบียงห้องพักของรีสอร์ท พร้อมกับสูดลมหายใจอันแสนบริสุทธิ์ของป่าเข้าไปเต็มปอดและรำพึงรำพันออกมาด้วยความสุขขอให้ท่านรับรู้ว่า..ป่ากำลังร้องไห้.
ความสุขของท่านยืนอยู่บนซากศพของต้นไม้นับร้อยนับพัน ลองนึกภาพดูว่าในร่องเขาแบบนี้..
ถ้าฝนตกลงมากระแสน้ำจากบนภูเขาจะไหลไปทางไหน..เป้าหมายของมันก็คือหมู่บ้านเชิงเขา
และเราก็จะได้เห็นภาพของการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินได้อ่านข่าวทั้งจากหนังสือพิมพ์และนั่งดูข่าวผ่านทีวีทุกช่องด้วยความตกอกตกใจว่ามันเป็นไปได้อย่างไร
ทำไมธรรมชาติช่างโหดร้ายกับมนุษย์ผู้ใสซื่อตัวเล็กๆคนตายก็ตายไป
พวกที่อยู่ก็ยังคงถากถางทำลายป่าแลกเงินกันต่อไปหามีจิตสำนึกไม่บทเรียนกี่ครั้งที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยให้เราฉลาดขึ้นเลยสักนิดธรรมชาติปรับตัวเป็นเรื่องปกติ แต่มนุษย์เองมิใช่หรือที่นำพาตัวเองเข้าไปอยู่ในที่ๆ ไม่ควรอยู่ เหมือนไปนอนอยู่กลางถนนท่ามกลางอันตรายจากรถยนต์ที่วิ่งผ่านไปมายามเมื่อมีการตายการสูญเสียเราจะโทษป่า โทษภัยธรรมชาติว่าโหดร้ายได้อย่างไรสองมือยังถากถางทำลายป่ากันไม่หยุด แต่ปากก็ร้องถามว่า ทำไมธรรมชาติจึงโหดร้ายนัก มันช่างไม่ยุติธรรมกับมนุษย์ตัวเล็กๆ เลยทำไมไม่ต่างคนต่างอยู่ ธรรมชาติมายุ่งกับมนุษย์ทำไม.
เฮ้อออออ...มนุษย์หนอมนุษย์..!!!
เมื่อฝนเริ่มตก..ด้วยความลาดชันของภูเขาดินที่ปราศจากการยึดด้วยรากของต้นไม้
เมื่อปริมาณน้ำยิ่งมากขึ้นดินก็ยิ่งมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นทุกทีจากการอมน้ำไว้ด้วยปริมาณมาก
แล้วมันก็จะพังทลายลงมา..ไหลลงไปรวมกันในร่องเขาพัดกวาดท่อนซุงที่มนุษย์ทิ้งไว้บนเขาลงมาด้วยยิ่งภูเขาสูงชันเท่าไร กระแสน้ำที่ไหลลงมาจะมีความเร็วและรุนแรงบ้าคลั่งพัดกวาดต้นไม้ชนิดถอนรากถอนโคน จุดหมายของพวกมันคือ หมู่บ้านและเมืองเบื้องล่าง หมู่บ้านในหุบเขา..
ตามเชิงเขาจะโดนถล่มก่อนเป็นการปลดปล่อยพลังครั้งแรกของมันในภาพไม่ใช่กองไม้จิ้มฟัน แต่เป็นซุงขนาดต่างๆ ไหลลงมาจากภูเขาเข้าถล่มหมู่บ้าน ขอย้ำว่า..มันคือท่อนซุงค่ะท่าน ..
มองไปทางไหนไม่เห็นอะไรเลย..นอกจากท่องซุงและทะเลโคลน.. ..
บริเวณนี้เคยเป็นนาข้าวลุ่มแม่น้ำที่เขียวขจี..แต่ตอนนี้มีแต่โคลนหนาเป็นฟุต.. ..
ลงมาดูที่พื้นด้านล่าง.คราวนี้เชื่อหรือยังล่ะครับว่าที่มองเห็นทางอากาศเหมือนไม้จิ้มฟันมันเป็นท่อนซุงจริงๆ ..กองนี้แยกไม่ออกเลยว่าอะไรเป็นอะไร.. ..เหลือเพียงเสาโด่เด่..
มันเคยเป็นอาคารเรียนมาก่อน จะมองเห็นซากของเสาธงที่เด็กๆ ใช้เคารพธงชาติยามเช้าด้านซ้ายมือ..

นายทุนรวยเอารวยเอา นอนสบายอยู่ในเมืองครับส่วนชาวบ้านเป็นเหยื่อรับจ้างตัดไม้ก็ถูกจับเวลาเกิดภัยจากธรรมชาติตัวชาวบ้านเองก็เป็นผู้รับเคราะห์ น่าสงสารที่สุดคือชาวบ้านตาดำๆ

ทำไปด้วยความไม่รู้ว่าผลที่ตามมาจะรุนแรงขนาดไหนเงินและทรัพย์สมบัติที่สร้างสมมาจากการรับจ้างตัดไม้ยามธรรมชาติมาทวงคืนต้องคืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยคือชีวิตของตัวเองหรือไม่ก็เป็นคนในครอบครัวที่ตัวเองรัก ป่าปิดไปนานแล้วครับ แต่ประตูหลังไม่ได้ปิดแถมยังเปิดกว้างกว่าประตูหน้าซะอีกนับจากวันที่ประกาศปิดป่าต้นไม้ยังคงถูกลำเลียงออกจากป่าไม่มีวันหยุดก่อนปิดป่า ป่าจะถูกตัดทำลายอย่างถูกกฏหมายจากเจ้าของสัมปทานเพียงกลุ่มเดียว ซึ่งเขาจะคอยสอดส่องไม่ให้ชาวบ้านเข้ามากอบโกยผลประโยชน์แข่งกับพวกเขาแต่พอปิดป่ายกเลิกทุกสัมปทานป่าก็กลายเป็นของสาธารณะพวกนายทุนเจ้าของสัมปทานเดิมก็แอบเข้าไปตัดชาวบ้านก็ร่วมสังฆกรรมด้วย ต่างคนต่างทำงานของตัวเองอย่างแข็งขัน ไม่มีใครว่าใคร..มือใครยาวสาวได้สาวเอา..สุดท้ ายก็..เละ ..
คนสมัยก่อนพึ่งพาอาศัยป่าด้วยความเคารพในฐานะที่ป่าคือชีวิตคือแหล่งอาหาร.คือแหล่งของสมุนไพรรักษาโรค คือที่อยู่อาศัย ทุกคนอยู่กันอย่างพอเพียงล่าสัตว์ได้ 1 ตัว ก็กลับบ้านกินหมดแล้วค่อยไปออกล่าหาเอาใหม่ ตัดไม้พอปลูกบ้านอาศัยก็เพียงพอแล้ว..ป่าก็สงบเรียบร้อย..แต่ปัจจุบันทุกอย่างเป็นเงินเป็นทอง..ทุกคนต่างแข่งขันกันสร้างฐานะไม่รู้จักพอ เพื่อสะสมเงินทองให้ได้มากที่สุดสุดท้ายทุกคนต้องมาร่วมกันชดใช้..เราต้องมาเผชิญกรรมร่วมกัน.. ไม่ว่าจะอยู่ในป่าหรือในเมืองความเดือดร้อนจากผลของการกระทำของคนเพียงหยิบมือได้ส่งผลมาถึงคนที่อยู่ในเมือง นับพัน..นับหมื่น..นับแสน..และนับล้าน..สะพานขาด..!!! .. ถนนพัง..!!!
ภาพชุดต่อไปเห้นชัดอย่างไม่น่าเชื่อ..แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าถ่ายภาพชุดนี้มาได้อย่างไรรีสอร์ทริมธารน้ำแสนสวย..เร่งปลูกสร้างเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาวที่จะมาถึง.. Before..!!!

..After..!!! ..And After..!!! ..And ๆๆๆๆๆๆ After..!!! ..จะมีสักวันใหมหนอ..!!!

วันที่มนุษย์ได้คิด..ว่าเราเป็นเพียงเถ้าธุลีเมื่อเทียบกับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่
เรากล้าประกาศก้องว่าเราสามารถเอาชนะธรรมชาติได้แต่เพียงธรรมชาติขยับตัวเพียงเบาๆ พวกเราก็ตายเกลื่อนวิ่งหางจุกก้น เราจะรู้กันหรือเปล่า..ว่าคนโบราณไม่เคยคิดจะเอาชนะธรรมชาติคิดเพียงว่าจะอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างไรให้เป็นสุข บรรพบุรุษของเรามีพิธีสักการะแม่โพสพพิธีขอขมาต่อสายน้ำและเรียกสายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตว่าแม่พระคงคา เรียกผืนแผ่นดินว่าแม่พระธรณี พวกเขาเคารพนบนอบต่อธรรมชาติและธรรมชาติก็หล่อเลี้ยง พวกเขาเป็นการตอบแทน..
ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันอย่างสงบสุข แต่ในวันนี้เราเนรคุณต่อธรรมชาติผู้มีพระคุณเราเหิมเกริมมองธรรมชาติเป็นบ่อเงินบ่อทองเพียงเพื่อตักตวงผลประโยชน์อย่างเห็นแก่ตัว ไม่มีการเคารพยำเกรงเหมือนบรรพบุรุษของเราเคยได้กระทำเมื่อลูกมันไม่รักดี..หยิ่งผยอง..ก็สมควรแล้วที่จะถูกท่านตบหน้าสั่งสอนฉาดใหญ่เพื่อให้ลูกๆ ได้สติแต่ลูกมันดื้อด้านไม่เคยจดจำ..บทเรียนที่ผ่านมาหลายต่อหลายครั้ง.. คราบน้ำตาที่ไหลอาบไปทั้งประเทศครั้งแล้วครั้งเล่าจากการสูญเสีย ไม่เคยสร้างบทเรียนใหม่ๆ ให้พวกเราได้รู้สำนึก..แต่พวกเรายังคงเดินย่ำอยู่บนหนทางเส้นเดิม..หนทางไปสู่หายนะที่ยิ่งใหญและรุนแรงกว่า.. ธรรมชาติทั่วโลกพร้อมใจกันเพิ่มดีกรีความรุนแรงมากขึ้นทุกที..
แต่เราก็ยังไม่เคยได้คิด..ยังคงมุ่งมั่นล้างผลาญทำลายธรรมชาติกันต่อไปด้วยอัตราการล้างผลาญที่มั่นคงสม่ำเสมอ..เราคงต้องโดนตบหน้ากันทุกปีและถูกตบถี่ขึ้นเรื่อยๆ เตรียมตัวเตรียมใจกันให้ดี..เราเตือนท่าน (เป็นครั้งที่ล้านเจ็ด) แล้ววว..!!!! .. ตอนยุค "ป่าสาละวิน" พวกผมบินผ่านและมองลงไปเห็นไม้นับพันท่อนผูกเป็นแพลอยอยู่เต็มแม่น้ำสาละวินก่อนที่มันจะกลายเป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศทุกวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้นยามเกิดภัยพิบัติครั้งใดเราก็จะบริจาคเพียงสิ่งของบรรเทาทุกข์ แต่ไม่เคยมีหน่วยงานใดเข้าไปให้ความรู้ชาวบ้านอย่างจริงจังเลยว่าที่พวกเขาต้องเจอกับสภาพเช่นนี้เป็นเพราะเหตุใด..เมื่อเหตุการณ์ร้ายๆ ได้ผ่านพ้นไปมันก็จะกลับมาเป็นหมือนเดิม..เหมือนที่มันเคยเป็น..
เหมือนไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้น กรรมมันมีช่วงเวลาให้ผลครับ..ใครทำก็ต้องรับเอาไปไม่มีทางปฏิเสธส่วนจะช้าหรือเร็วไม่มีใครกำหนดได้..ข้าราชการหลายคนต้องถูกจับเข้าคุก ถูกปลดจากตำแหน่งและยึดทรัพย์..ครอบครัวต้องทนได้รับความอับอาย และถูกประนามจากคนรอบข้าง นายทุนบางคนเป็นอำมพาตร่ำรวยเงินทองแต่ต้องทุกข์ทรมานเงินสกปรกที่เพียรหามาช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิดบางคนหันมาเล่นการเมืองก็ถูกฆ่าจากฝ่ายตรงข้าม บางคนแม้จะมีหน้ามีตายศตำแหน่งใหญ่โตแต่ก็ต้องอมทุกข์แทบกระอักออกมาเป็นเลือดยามเมื่อสิ้นอำนาจวาสนา บางคนอาจต้องเข้าคุกตอนแก่แล้วเราจะได้เห็นกันว่ากฏแห่งกรรมมันเที่ยงตรงและยุติธรรมเพียงใด ..บางทฤษฏีเชื่อว่าป่า..ธรรมชาติรวมทั้งโลก..
มันมีชีวิต..โลกตั้งอยู่ได้ด้วยความสมดุลย์ถ้ามีจุดใดจุดหนึ่งขาดความสมดุลย์ มันจะปรับตัวเองเพื่อคืนเข้าสู่ความสมดุลย์ของมัน.. ถ้าป่าถูกทำลายป่าก็จะปรับตัวเองคืนเข้าสู่ความสมดุลย์..ต้นไม้ต้นไหนตายก็จะมีต้นใหม่เกิดขึ้นมาทดแทน..แต่เมื่อมีมนุษย์ระบบฟื้นฟูตัวเองก็ไร้ผล..เพราะป่าไม่มีโอกาสได้โงหัวจากการถูกทำลาย แม้สักวันมนุษย์ไม่เปิดโอกาสให้ป่าได้ฟื้นฟูตัวเอง และป่ามันมีระบบป้องกันตัวเองที่จะกำจัดผู้รุกรานหรือผู้ที่ทำอันตรายกับมันและตอนนี้ศัตรูตัวฉกาจและเป็นภัยอันใหญ่หลวงสำหรับธรรมชาติก็คือมนุษย์ตัวจ้อยแต่ใหญ่โตด้วยด้วยความอวดดี..เราเหมือนเด็กอมมือที่ไร้เดียงสาหยิบระเบิดมาแกะเล่น โดยไม่ได้รู้ถึงอันตรายที่กำลังจะตามตอนนี้ธรรมชาติอาจกำลังคบคิดกันตอบโต้เล่นงานมนุษย์..เพื่อความอยู่รอดของธรรมชาติและโลก..ลองดูข่าวสารจากทั่วโลกจะเห็นว่าธรรมชาติดูจะโหดร้ายขึ้นทุกวัน..ทั้งแผ่นดินไหว..ภูเขาไฟระเบิด..น้ำท่วมโคลนถล่ม..
ยุโรปมีคนตายจากคลื่นความร้อนบางปีนับหมื่นคน..เขตร้อนบางแห่งมีหิมะตก..แผ่นดินไหวกับประเทศไทยดูจะกลายเป็นเรื่องตลกถ้าพูดคุยเรื่องนี้กันเมื่อประมาณ 20 ปีก่อนแต่ทุกวันนี้เราไม่ใช่ประเทศผู้โชคดีที่จะรอดจากเหตุแผ่นดินไหวแบบ 100%
เมื่อก่อนถ้าใครพูดว่าไทยเป็นประเทศที่เสี่ยงกับการเกิดคลื่นสึนามิคนพูดคงถูกหาว่าบ้า..
แต่วันนี้พวกเรานั่งฟังกันด้วยความหวาดกลัวและวิตก

ที่มาของอายุ...คนเรา (จริงนะ)

ในวันแรกที่พระเจ้าสร้างโลกพระเจ้า
ได้สร้างวัวขึ้นคู่หนึ่ง และบอกกับวัวว่า
วันนี้เราได้สร้างเจ้าขึ้น ในฐานะของวัว เพื่อทำงานหนักกลางทุ่งนา
ท่ามกลาง แสงแดดจ้าทั้งวัน แล้วเราจะให้เจ้ามีชีวิตยืนยาว 50 ปี'
วัวย้อนกลับว่า 'ชีวิตที่ยากลำบากเช่นนี้ จะให้มีอายุยาวถึง 50ปีน่ะหรือ?ฮึ!
เมิน เสียเถอะ ขอแค่มีอายุเพียง 20 ปี ก็พอ แล้วล่ะ
เอาคืนไปเลย 30 ปีถ้าได้ก็โอเค' และพระเจ้าตอบตกลง

วันต่อมา พระเจ้า สร้างสุนัขขึ้น และบอกกับมันว่า
'เราสร้างเจ้าขึ้น ในฐานะของสุนัข หน้าที่ ของเจ้าคือ นั่งอยู่ที่ประตูบ้าน
และเห่าเมื่อมีคนเข้ามา แล้วเราจะให้เจ้ามีอายุยืนถึง 20 ปี'
สุนัขได้ฟัง ก็พูดขึ้นว่า 'นั่งเฝ้าหน้าประตูบ้าน 20 ปี!
ช่างเป็น ชีวิตที่น่าเบื่ออะไรเช่นนี้ ขอคืนชีวิต 10 ปีก็แล้วกัน' พระเจ้าตอบตกลง

วันต่อมา พระเจ้าสร้างลิงขึ้น และบอกกับ ลิงว่า 'เราสร้างเจ้าขึ้น ในฐานะของลิง
หน้าที่ ของเจ้าคือ สร้างความสนุกสนาน และใช้เล่ห์เหลี่ยมของลิง
หลอกล่อคน ให้หัวเราะ แล้วเราจะให้เจ้ามีอายุยืน 20 ปี'
ลิงได้ฟัง จึงตอบว่า'อะไรนะ..ทำให้ คนหัวเราะ ทำหน้าลิง และเล่ห์กลต่างๆ
ตั้ง 20 ปี นะเหรอ?ไม่เอาด้วยหรอก ขอ คืนชีวิตไป 10 ปี เหลือแค่10 ปีก็แล้ว กัน
' พระเจ้าตอบตกลง

วันต่อมา พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้น และบอกว่า
'เราสร้างเจ้าขึ้น ในฐานะที่เป็นมนุษย์ หน้าที่ของเจ้าคือ กิน นอน เที่ยว เล่นสนุกสนาน โดยไม่ต้องทำงานใดๆ
เราจะให้เจ้ามีชีวิต 20 ปี' มนุษย์ได้ฟัง
ก็ต่อรองว่า 'ชีวิตที่สบายเช่นนี้ แล้วท่านจะให้เรามีชีวิตแค่ 20 ปีนะเหรอ
เอาอย่างนี้ดีกว่า
เราขอชีวิตที่วัวคืนชีวิตให้ท่าน 30 ปี
สุนัข 10 ปี
และลิง 10 ปี มาเป็นของเรา
เพื่อให้เรามีอายุยืนถึง 70 ปี ตกลงไหม?' พระเจ้าตอบตกลง

นั่นเป็นเหตุผลว่า...ทำไมชีวิตของเรานช่วง
20 ปีแรกจึงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน กิน นอน เล่นและไม่ต้องทำอะไรมากมาย
30 ปี ต่อมา ต้องทำงานหนักทั้งวัน เพื่อสร้างครอบครัว
10 ปี ต่อมา เกษียณอยู่ที่บ้าน เฝ้าหน้าบ้าน และตะคอกคนที่ผ่านไปมา
10 ปี ต่อมา เป็นปู่/ย่า ตา/ยาย ที่ต้องทำหน้าลิง
และเล่ห์กลต่างๆเพื่อหลอกล่อหลาน!

17/10/50

เรื่องราวน่ารักๆ อ่านซะ..

คืนที่ฟ้าฉ่ำฝน ... ตายายคู่หนึ่งจูงมือ ค่อย ๆ พากันเดินเข้าร้าน McDonalds
>แลดูแปลกตาท่ามกลางเหล่าวัยรุ่นหนุ่มสาว
>สายตาหลายคู่จ้องมองมาอย่างชื่นชมในความรักที่ยืนยาวมากว่าครึ่งศตวรรษของสองตายาย
>ตาเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์สั่งอาหารชุด และชำระเงินอย่างคุ้นเคย
>ก่อนพายายไปเลือกหาที่นั่งริมในสุดของร้านตายายช่วยกันนำอาหารออกจากถาด ตาค่อย
>ๆ แบ่งแฮมเบอร์เกอร์ออกเป็น 2 ส่วน เอาเฟรนช์ไฟร์ออกมานับครึ่ง
>และจัดวางไว้ดูน่ารับประทานข้างหน้ายาย คว้าแก้วโค้กมาจิบหนึ่งอีก
>ส่งให้ยายรับไปจิบหนึ่งอึกก่อนจะวางไว้ตรงกลางเบื้องหน้าทั้งคู่
>ขณะที่ตาเริ่มกินแฮมเบอร์เกอร์ส่วนของตนอยู่
>บรรดาลูกค้าในร้านที่จับตาดูคู่ตายายมาตั้งแต่ต้นเริ่มรู้สึกกระสับกระส่าย
>หลายคนสะกิดกันพลางกระซิบ ......
>'น่าสงสารจังแกคงมีเงินพอซื้อได้แค่ชุดเดียวมาแบ่งกันมั้ง' ชายหนุ่มโต๊ะข้าง ๆ
>ถึงกับเดินเข้ามาหาพร้อมเสนอตัวขอเป็นเจ้ามือซื้อให้อีกชุดอย่างสุภาพ
>ตายิ้มรับความมีน้ำใจ แต่ปฏิเสธอย่างนุ่มนวลว่า
>'ไม่เป็นไรหรอกมีอะไรเราก็ต้องเอามาแบ่งกันอยู่แล้ว' เวลาผ่านไป
>ทุกคนเริ่มสังเกตว่า
>ยายได้แต่นั่งนิ่งจ้องมองตากินแฮมเบอร์เกอร์อย่างเอร็ดอร่อย
>ไม่ยอมแตะต้องส่วนของตน นอกจากหยิบโค้กขึ้นมาจิบ
>ชายหนุ่มคนเดิมตัดสินใจเข้ามาหาอีกครั้ง
>เอ่ยขอร้องให้เขาได้เลี้ยงคู่ตายายที่น่ารักนี้เถอะ
>คราวนี้ยายเป็นฝ่ายปฏิเสธอย่างอ่อนหวาน
>ยืนยันเหมือนเดิมว่ามีอะไรก็ต้องเอามาแบ่งกัน เมื่อตารับประทานเสร็จ
>ขณะหยิบกระดาษมาเช็ดปาก
>ยายก็ยังคงนั่งนิ่งดูสามีสุดที่รักอยู่อย่างนั้นราวกับกลัวว่าเขาจะไม่อิ่มจริงๆ
> ชายหนุ่มคนเดิมก็อดรนทนไม่ได้อีก
>เอ่ยปากอย่างจริงจังขอตายายอนุญาตให้เขาเลี้ยงสักครั้ง
>แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างสุภาพอีก ... ชายหนุ่มนึกสงสัย
>'ทำไมคุณยายไม่รับประทานบ้างเลยครับ ก็ไหนบอกว่ามีอะไรก็ต้องเอามาแบ่งกันไง
>คุณตาก็ทานเสร็จแล้ว ยังรออะไรอยู่หรือครับ? ' คุณยายตอบเนิบ ๆ ??
>'รอฟันปลอมจากตาน่ะหลานชาย...' (แหะ ๆๆ)