4/3/51

สูตรลดน้ำหนัก 8: ลดน้ำหนัก 4-5 กิโลกรัม ภายใน 3 วัน (ประยุกต์)

สำหรับสูตรควบคุมน้ำหนักสูตรที่ 8 นี้ ต้องขอบอกว่าประยุกต์เองค่ะ จากสูตรที่ 6 กับ สูตรที่ 7 เหตุอันเนื่องมาจากความขี้เกียจเฉพาะตัวน่ะค่ะ เลยปรับรายการอาหารให้จำง่ายขึ้น ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ต้องเตรียมอะไรเยอะด้วยค่ะ ง่าย ๆ ก็คือ รับประทานให้เหมือนกันหมดทั้ง 3 วันติดต่อกันนะค่ะ

รับประทาน 3 วันต่อเนื่อง

ต้องดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 2 แก้ว (500 cc) ก่อนรับประทานอาหารทุกมื้อ

อาหารเช้า
¡ ชา/กาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล
¡ ส้ม 2 ผล หรือส้มโอ 1/2 ผล
¡ ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ปิ้งจนแห้ง ห้ามทาเนย/มาการีน/แยม
¡ แตงกวา หรือ มะเขือเทศ 2 ลูก

อาหารกลางวัน
¡ ชา/กาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล
¡ ปลาทูน่าในน้ำแร่ หรือ ปลานึ่ง หรือ ปลาเผา 120 กรัม
¡ แคร็กเกอร์ 5 แผ่น

อาหารเย็น
¡ แฮม 2 แผ่น
¡ สลัดผักไม่ราดน้ำสลัด หรือ ผักต้ม
¡ นมสดพร่องมันเนย 1 ถ้วย (200 cc)


--- ระหว่างมื้อดื่มน้ำเปล่าตลอด ---



ผลที่ได้ในระยะสั้นใกล้เคียงกับสูตรที่ 6 มากค่ะ แต่ทดลองเพียงรอบเดียวเท่านั้น ไม่ได้ต่อรอบสองรอบสาม เลยไม่ทราบผลระยะยาว เนื่องจากเบื่อรายการอาหารซ้ำซากที่คิดขึ้นมาเอง และที่สำคัญมีสูตรอื่นให้ลองอีกหลายสูตรน่ะค่ะ

สูตรลดน้ำหนัก 7: ลดน้ำหนัก 4-5 กิโลกรัม ภายใน 3 วัน (ปรับปรุง)

สูตรนี้ก็จะคล้ายกับสูตรควบคุมน้ำหนักสูตรที่ 6 นะคะ ซึ่งวิธีการปฏิบัติก็เช่นเดียวกันค่ะ แต่จะเปลี่ยนรายการอาหารบางอย่าง ให้เข้ากับปากคนไทยอย่างเราค่ะ โดยรับประทาน 3 วันต่อเนื่องเช่นกัน จากนั้นจะหยุดมารับประทานตามปกติ แล้วค่อยมาเริ่ม 3 วันต่อเนื่องใหม่ อีกสักรอบสองรอบตามที่ต้องการก็ไม่มีปัญหาค่ะ ซึ่งจะเป็นการปรับกระเพาะอาหารให้มีขนาดเล็กลงด้วยนะคะ

วันที่ 1
อาหารเช้า
¡ ชา/กาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล หรือ น้ำส้ม*
¡ ขนมปังปิ้งจนแห้ง ไม่ทาอะไร 1 แผ่น
¡ ไข่ต้ม 1 ฟอง
¡ ผัก จิ้มน้ำพริก หรือ ยำผักโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ใดๆ หรือ ส้มตำผักล้วน*
¡ ผลไม้ 1 อย่าง*

อาหารกลางวัน
¡ ชา/กาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล หรือ น้ำส้ม*
¡ ขนมปังปิ้งจนแห้ง ไม่ทาอะไร 1 แผ่น
¡ ปลานึ่ง หรือ ย่าง ห้ามใช้น้ำมัน
¡ ผัก จิ้มน้ำพริก หรือ ยำผักโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ใดๆ หรือ ส้มตำผักล้วน*

อาหารเย็น
¡ น้ำส้ม
¡ ผัก จิ้มน้ำพริก หรือ ยำผักโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ใดๆ หรือ ส้มตำผักล้วน*
¡ เนื้อไม่ติดมัน ย่างหรือนึ่ง ห้ามใช้น้ำมัน

วันที่ 2
อาหารเช้า
¡ น้ำส้ม
¡ นมสด 1 แก้วเล็ก (200 cc)
¡ ขนมปังปิ้งจนแห้ง ไม่ทาอะไร 1 แผ่น
¡ ไข่ต้ม 1 ฟอง
¡ ผลไม้*

อาหารกลางวัน
¡ น้ำส้ม
¡ ขนมปังปิ้งจนแห้ง ไม่ทาอะไร 1 แผ่น
¡ ผัก ต้มจิ้มน้ำพริก หรือ ยำผักโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ใดๆ หรือ ส้มตำผักล้วน*
¡ ผลไม้*

อาหารเย็น
¡ น้ำส้ม
¡ นมสด 1 แก้วเล็ก (200 cc)
¡ ปลานึ่ง หรือ ย่าง ห้ามใช้น้ำมัน
¡ ผัก ต้มจิ้มน้ำพริก หรือ ยำผักโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ใดๆ หรือ ส้มตำผักล้วน*
¡ ผลไม้*

วันที่ 3
อาหารเช้า
¡ น้ำส้ม
¡ นมสด 1 แก้วเล็ก (200 cc)
¡ ขนมปังปิ้งจนแห้ง ไม่ทาอะไร 1 แผ่น
¡ ผลไม้*
¡ โยเกิร์ต

อาหารกลางวัน
¡ น้ำส้ม
¡ ขนมปังปิ้งจนแห้ง ไม่ทาอะไร 1 แผ่น
¡ ไข่ต้ม 1 ฟอง
¡ ผัก จิ้มน้ำพริก หรือ ยำผักโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ใดๆ หรือ ส้มตำผักล้วน*

อาหารเย็น
¡ น้ำส้ม
¡ นมสด 1 แก้วเล็ก (200 cc)
¡ ปลา/เนื้อนึ่ง หรือ ย่าง ห้ามใช้น้ำมัน
¡ ผัก จิ้มน้ำพริก หรือ ยำผักโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ใดๆ หรือ ส้มตำผักล้วน*
¡ ผลไม้*


* หมายเหคุ
¡ เครื่องดื่มต้องไม่ใส่น้ำตาล รวมถึงในอาหารด้วย
¡ เนื้อ เช่น เนื้อ หมู ไก่ แต่ต้องไม่มีมันเหลืออยู่ ถ้าเป็นไก่ต้องไม่หนังติด
¡ ผัก เช่น แครอท ดอกผักกาด มะละกอดิบ มะเขือเทศ แตงกวา ถัวฝักยาว
¡ ผลไม้ เช่น ส้ม สับปะรด แอปเปิ้ล กล้วย แคนตาลูป (1 ชิ้น)
¡ น้ำเปล่าดื่มได้ทั้งวัน ไม่จำกัด



ต้องขอออกตัวไว้ก่อนนะคะ ว่าสูตรที่ 7 เมื่อเทียบกับสูตรที่ 6 แล้ว น้ำหนักตัวอาจลดลงน้อยกว่า จากการทดลองเมื่อนานมาแล้ว (เหมือนเป็นหมูตะเภาซะเอง) ซึ่งอาจเนื่องมาจากลองสูตรที่ 6 แล้วตามด้วยสูตรที่ 7 ทันที เลยไม่ค่อยเห็นผลชัดเจนน่ะค่ะ และ อีกอย่างหนึ่ง คือ สูตรที่ 7 ปริมาณอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์กับผักไม่ได้ระบุชัดเจน เลยเพลินไปหน่อยค่ะ แต่ก็พยายามควบคุมให้อยู่ให้พิกัดที่ประมาณ 120 กรัมนะค่ะ

สูตรลดน้ำหนัก 6: ลดน้ำหนัก 4-5 กิโลกรัม ภายใน 3 วัน

สูตรควบคุมน้ำหนักสูตรนี้ สามารถเลือกปฏิบัติแบบชั่วคราวหรือแบบต่อเนื่องก็ได้นะคะ เพราะทำเพียง 3 วันต่อเนื่องแล้ว สามารถหยุดมารับประทานตามปกติ แล้วค่อยเริ่มใหม่ได้ค่ะ

วันที่ 1

อาหารเช้า
¡ ชา/กาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล
¡ ส้มเกรฟฟรุต หรือส้มเขียวหวาน 2 ผล หรือส้มโอ 1/2 ผล
¡ ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ปิ้งจนแห้ง ห้ามทาเนย/มาการีน/แยม
¡ ถั่วกระป๋อง BAKED BEAN 120 กรัม

อาหารกลางวัน
¡ ชา/กาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล
¡ ปลาทูน่า 120 กรัม ถ้าเป็นปลาทูน่ากระป๋องในน้ำแร่ดีที่สุด
¡ ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น

อาหารเย็น
¡ แฮม 2 แผ่น
¡ ถั่วฝักยาวต้ม 120 กรัม หรือถั่วสำเร็จรูปแบบแช่แข็ง
¡ บีทรูทต้ม 120 กรัม
¡ ไอศกรีมวานิลลาถ้วยเล็ก 1 ถ้วย

วันที่ 2

อาหารเช้า
¡ ชา/กาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล
¡ ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ปิ้งจนแห้ง ห้ามทาเนย/มาการีน/แยม
¡ ไข่ต้ม 1 ฟอง
¡ กล้วยหอมครึ่งผล
อาหารกลางวัน
¡ ชา/กาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล
¡ ขนมปังแคร็กเกอร์ (Cracker) 5 แผ่น ต้องเป็นชนิดเค็ม (Saltine) หรือ RIZ ก็ได้
¡ Cottage Cheese 120 กรัม หรือโยเกิตชนิด Low Fat

อาหารเย็น
¡ แฮม 2 แผ่น
¡ บร็อกโคลี่ต้ม 120 กรัม
¡ แครอทต้ม 60 กรัม
¡ ไอศกรีมวานิลลาถ้วยเล็ก 1 ถ้วย
¡ กล้วยหอมครึ่งผล


วันที่ 3

อาหารเช้า
¡ ชา/กาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล
¡ แคร็กเกอร์ 5 แผ่น
¡ Cheddar Cheese 1 แผ่น
¡ แอปเปิ้ล 1 ผล

อาหารกลางวัน
¡ ชา/กาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล
¡ ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
¡ ไข่ต้ม 1 ฟอง

อาหารเย็น
¡ ปลาทูน่า 120 กรัม
¡ บีทรูทต้ม 120 กรัม
¡ ดอกกะหล่ำต้ม 120 กรัม
¡ ไอศกรีมวานิลลาถ้วยเล็ก 1 ถ้วย
¡ แคนตาลูป 1 ชิ้น


หมายเหตุ
¡ ห้ามใช้เครื่องปรุงรสอื่นใด นอกเหนือจากเกลือและพริกไทยเท่านั้น
¡ ห้ามเปลี่ยนแปลงหรือทดแทนด้วยอาหารอื่น
¡ รายการใดที่ไม่ได้กำหนดไว้ชัดเจนให้ใช้วิจารณญาณตามความเหมาะสม
¡ รับประทานอาหารนี้ติดต่อกันครั้งละ 3 วัน จะลดน้ำหนักได้ประมาณ 4 - 5 กิโลกรัม หรือประมาณ 5% ของน้ำหนักตัว หลังจากครบ 3 วันแล้วให้รับประทานอาหารตามปกติ
¡ ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดต่อเนื่องกัน 3 วัน หลังจากนั้นอาจเว้นสัก 3-4 วัน หรือ แค่วันเดียว แล้วกลับมาปฏิบัติใหม่



สูตรนี้จะเห็นว่า มีน้ำหนักของอาหารกำกับมาด้วย แต่ไม่จำเป็นต้องมีตาชั่งอาหารนะคะ กะปริมาณเองได้ ขาดเกินบ้างไม่ต้องกังวล เนื่องจากที่ต้องชั่งส่วนใหญ่เป็นพวกคุณผักทั้งหลาย แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ควรให้เกินกันเป็นขีดสองขีดนะคะ

แต่เพราะสูตรนี้และอีกหลายสูตร ที่บ้านเลยตัดสินใจหาตาชั่งอาหารเล็กราคาย่อมเยามาตั้งไว้สักเครื่อง เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดนะค่ะ

สูตรลดน้ำหนัก 5: ลดน้ำหนัก 3 กิโลกรัม ภายใน 2 วัน

สูตรนี้ต้องขอบอกว่าเน้นผักกับผลไม้เป็นส่วนใหญ่ รับประทานเพียง 2 วันเท่านั้นค่ะ

วันที่ 1

ทันทีที่ตื่นนอนให้ดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว ผสมกับน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล หรือน้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ และวิตามินซี 500 มิลลิกรัม

อาหารเช้า
¡ ลูกพรุน 8 เม็ด
¡ น้ำส้มคั้น 1 แก้ว
¡ เมล็ดทานตะวัน 1 ช้อนโต๊ะ
¡ น้ำส้มโอ 1 ถ้วย
¡ น้ำแร่ไม่มีแก๊ส 1 แก้ว

อาหารกลางวัน
¡ ปลาแซลมอนหรือปลาชนิดอื่นที่มีโอเมก้า-3 สูงในปริมาณ 100 กรัม
ห้ามทอดหรือปรุงด้วยน้ำมันโดยเด็ดขาด อาจจะย่างกับซอสน้ำมะนาว ทานควบคู่กับบล็อคเคอรีลวกและสลัดผักโขม หรือสลัดมะเขือเทศ แต่ห้ามใส่เกลือเด็ดขาด
¡ ผลไม้แบบไม่หวาน 1 ชิ้น
¡ น้ำส้มโอ 1 ถ้วย
¡ วิตามินซี 500 มิลลิกรัม

อาหารเย็น
¡ สลัดผักสด ราดโยเกิร์ตรสธรรมชาติแบบโลว์แฟต
¡ ผลไม้ (ส้ม 1 ลูก กล้วย 1 ใบ แตงโม 6 ชิ้น หรือสับปะรด และลูกอินทผลัม 1 เม็ด)

วันที่ 2 (งดเนื้อสัตว์ทั้งหมด)

เริ่มด้วยน้ำอุ่นผสมกับน้ำส้มจากแอปเปิ้ล 1 แก้ว และวิตามินซี 500 มิลลิกรัม เหมือนกับวันแรกทุกอย่าง

อาหารเช้า
¡ น้ำเปล่าอย่างเดียว ห้ามรับประทานอย่างอื่นเลย

อาหารกลางวัน
¡ มะเขือเทศสัก 2-3 ผล
¡ สลัดผักสดๆ 1 จาน ไม่ใส่น้ำสลัดจะดีมาก
¡ น้ำส้มโอ 1 ถ้วย
¡ วิตามินซี 500 มิลลิกรัม

อาหารเย็น
¡ กล้วยหอม 1 ผล
¡ โยเกิร์ตโลว์แฟต 1 ถ้วย



ตอนแรกดูจากรายการอาหารแล้วน่าจะเตรียมยาก แต่เมื่อลองเตรียมจริงๆ ง่ายกว่าหลายๆ สูตร เพราะรายการทั้งหมดหาได้ในซุปเปอร์มาร์เก็ต อย่างเช่น ลูกพรุนก็ที่ขายกันเป็นซองๆ เลือกแบบหวานน้อยหน่อน ส่วนเม็ดทานตะวันก็เลือกแบบธรรมดา ไม่เอาแบบที่เคลือบน้ำผึ้งหรือน้ำตาลนะคะ แต่ปลาแซลมอนน่ะหายาก ก็เลือกเป็นปลาทูน่าในน้ำแร่แทน หรือไม่ก็ปลาซาบะที่แพ็คในห่อพร้อมทานทันที ส่วนน้ำส้มหรือน้ำส้มโอเลือกเอาตามใจชอบแบบ 100% ไม่เจือจาง สำหรับน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ล (Apple Cider หรือ Apple Cyder) ที่คิดว่าหายากที่สุด เดี๋ยวนี้ก็มีวางขายกันเยอะ แต่ก่อนต้องไปหาตามห้างที่ชาวต่างชาติชอบเดินกัน แต่ตอนนี้มีเกือบทุกห้าง ถ้าเหลือก็เอาไว้มาทำเป็นน้ำสลัดก็ได้นะคะ

สูตรนี้ต้องขอบอกว่าชอบมากค่ะ

สูตรลดน้ำหนัก 4: ลดน้ำหนัก 13 กิโลกรัม ภายใน 13 วัน

สูตรควบคุมน้ำหนักสูตรนี้ ต้องขอบอกเอาไว้ก่อนเลยว่าเหมาะกับคนที่มีน้ำหนักตัวค่อนข้างมาก และที่ชอบรับประทานอาหารปริมาณมาก จะเห็นผลได้เร็วมากค่ะ แต่คนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักก็สามารถรับประทาน เนื่องจากสูตรนี้เป็นการปรับการเผาผลาญอาหารของร่างกาย ซึ่งหลังจากครบ 13 วันแล้ว จะรับประทานอาหารได้ตามปกติ น้ำหนักจะไม่ขึ้นเป็นเวลา 2 ปี หากทำตามตารางนี้อย่างเคร่งครัดจะลดน้ำหนักได้ประมาณ 7-20 กิโลกรัมค่ะ

สูตร 13 วัน ลด 13 กิโลกรัม
วันที่ 1
เช้า
กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1 ก้อน)
กลางวัน
ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง
ผักกาดต้ม 3 ขีด
มะเขือเทศ 1 ผล
เย็น
เนื้อไก่อบ 2 ขีด
ผักราดสลัดน้ำใส
น้ำมะนาว
วันที่ 2
เช้า
กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1 ก้อน)
กลางวัน
เนื้อหมูอบ 2.5 ขีด
โยเกิร์ต 1 ถ้วย
เย็น
เนื้อไก่อบ 2 ขีด
ผักราดสลัดน้ำใส
น้ำมะนาว
ผลไม้สด 1 ผล
วันที่ 3
เช้า
กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1 ก้อน)
ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
กลางวัน
ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง
เนื้อหมูอบ 1 ขีด
ผักราดสลัดน้ำใส
น้ำมะนาว
เย็น
คื่นไช่ต้มสุก 3 ขีด
มะเขือเทศ 1 ผล
ผลไม้สด 1 ผล
วันที่ 4
เช้า
กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1 ก้อน)
ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
กลางวัน
น้ำส้มคั้น 1 แก้ว
โยเกิร์ต 1 ถ้วย
เย็น
ไข่ต้มแข็ง 1 ฟอง
แครอทสด 1 หัว
นมรสจืด 1 กล่อง
วันที่ 5
เช้า
แครอทสด 1 หัว ราดด้วยน้ำมะนาว
กลางวัน
เนื้อปลากะพงนึ่ง 2 ขีด
เย็น
เนื้อไก่อบ 2 ขีด
ผักราดสลัดน้ำใส
วันที่ 6
เช้า
กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1 ก้อน)
ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
กลางวัน
ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง
แครอทสด 1 หัว
เย็น
เนื้อไก่อบ 2 ขีด
ผักสลัดน้ำใส
น้ำมะนาว
วันที่ 7
เช้า
ชา 1 ถ้วย ไม่ใส่น้ำตาล
ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
กลางวัน
น้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว
เย็น
เนื้อหมูอบ 2 ขีด
ผลไม้สด 1 ผล
วันที่ 8
เช้า
กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1 ก้อน)
กลางวัน
ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง
ผักกาดต้ม 3 ขีด
มะเขือเทศ 1ผล
เย็น
เนื้อไก่อบ 2 ขีด
ผักราดสลัดน้ำใส
น้ำมะนาว
วันที่ 9
เช้า
กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1 ก้อน)
กลางวัน
เนื้อหมูอบ 2 ขีด
โยเกิร์ต 1 ถ้วย
เย็น
เนื้อไก่อบ 2 ขีด
ผักราดสลัดน้ำใส
น้ำมะนาว
วันที่ 10
เช้า
กาแฟดำ 1 ถ้วย (ไม่ใส่น้ำตาล)
ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
กลางวัน
ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง
เนื้อหมูอบ 1 ขีด
ผักราดสลัดน้ำใส
น้ำมะนาว
เย็น
คื่นไช่ต้มสุก 3 ขีด
มะเขือเทศ 1 ผล
ผลไม้สด 1 ผล
วันที่ 11
เช้า
กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1 ก้อน)
ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
กลางวัน
น้ำส้มคั้น 1แก้ว
โยเกิร์ต 1 ถ้วย
เย็น
ไข่ต้มแข็ง 1 ฟอง
แครอทสด 1 หัว
นมรสจืด 1 กล่อง
วันที่ 12
เช้า
แครอทสด 1 หัว ราดด้วยน้ำมะนาว
กลางวัน
เนื้อปลากะพงนึ่ง 2 ขีด (นึ่งด้วยน้ำมะนาว ใส่คื่นไช่ 1 ต้น)
เย็น
เนื้อไก่อบ 2 ขีด
ผักราดสลัดน้ำใส
วันที่ 13
เช้า
กาแฟดำ 1 ถ้วย (น้ำตาล 1 ก้อน)
ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
กลางวัน
ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง
แครอทสด 1 หัว
เย็น
เนื้อไก่อบ 2 ขีด
ผักราดสลัดน้ำใส
น้ำมะนาว


ข้อห้ามของสูตรนี้
ตลอดระยะเวลา 13 วัน ห้ามดื่มเบียร์ ไวน์ สุรา ขนมหวาน หมากฝรั่ง ลูกอม หรืออาหารอื่นๆ แม้เพียงเล็กน้อยการควบคุมอาหารครั้งนี้จะไม่บังเกิดผลใดๆ เลย และถ้าจะเริ่มต้นใหม่ต้อง ทำหลังจาก 3 เดือนไปแล้ว

ข้อแนะนำ
หากรู้สึกหิวนอกเหนือจากเวลามื้ออาหารที่กำหนดให้ดื่มน้ำมากๆ ห้ามดื่มหรือทานอาหารอย่างอื่น ขอย้ำน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

หมายเหตุ
, ผักต้มถ้าใช้ผักขมได้ยิ่งดี (ใช้ผักกาดขาวหรือกวางตุ้งแทนได้)
, มะเขือเทศผลใหญ่ 1 ผล ถ้าผลเล็กใช้ 2-3 ผล
, เนื้อไก่อบ ใช้เนื้อสันหรือเนื้อหน้าอกไม่ติดหนัง 2 ขีด
, ผักสลัดใช้ผักกาดหอม 1 ต้นเล็ก หอมใหญ่ 1 หัว แตงกวา 2 ลูกหั่นรวมได้ผัก 1 จาน
, น้ำสลัดใส ใช้ 1 ถ้วย (3-4 ช้อนโต๊ะ)
, น้ำมะนาวใช้มะนาวสด 1-2 ผล ชงน้ำร้อนใส่เกลือใส่น้ำแข็งดื่มได้
, โยเกิร์ตถ้ามีรสจืดจะดีมาก ถ้าหาไม่ได้เลือกตามรสที่ชอบ
, ผลไม้สด 1 ผล เช่น แอปเปิ้ล ชมพู่ มะม่วง ส้มเขียวหวาน กล้วย
, ใช้ปลาช่อนแทนปลากะพงก็ได้
, น้ำเปล่าดื่มได้ทั้งวัน วันละ 2 – 3 ลิตร

นี่ก็เป็นสูตรควบคุมน้ำหนักอีกสูตรหนึ่งที่น่าสนใจนะคะ

แต่สูตรนี้ใครทำสำเร็จช่วยบอกด้วยนะคะ เนื่องจากต้องขอยอมรับตรงๆ เลยว่าสำหรับสูตรนี้ ยังทำไม่สำเร็จครบ 13 วัน ใจไม่แกร่งพอ หลุดทุกครั้งที่เพื่อนชวน

สูตรลดน้ำหนัก 3: ลดน้ำหนัก 2-3 กิโลกรัม ภายใน 1 สัปดาห์

สูตรควบคุมน้ำหนักสูตรที่ 3 นี้ จะคล้ายๆ กับสูตรที่ 2 สามารถเอามาประยุกต์กันได้ค่ะ รายการอาหารจะแตกต่างกันไม่มาก มีกำหนดระยะเวลาแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้น

มาเริ่มกันเถอะ...

ตารางลดน้ำหนัก 2-3 กิโลกรัม ภายใน 1 สัปดาห์
วันที่ 1
เช้า
ชาหรือกาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล
กลางวัน
ไข่ต้ม 2 ฟอง และผักต้มไม่จำกัดจำนวน ใส่เกลือน้อยๆ
เย็น
สเต็กหมูหรือปลา สลัดผักราดน้ำสลัดใสหรือครีมแคลอรี่ต่ำ และผลไม้
วันที่ 2
เช้า
ชาหรือกาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล และขนมปังโฮลวีท 1 แผ่น
กลางวัน
สเต็กหมูหรือปลาย่าง สลัดผักและผลไม้
เย็น
แฮมลวก
วันที่ 3
เช้า
ชาหรือกาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล และขนมปังโฮลวีท 2 แผ่น
กลางวัน
ไข่ต้ม 2 ฟอง แครอทต้ม และสลัดผัก
เย็น
แฮมลวก
วันที่ 4
เช้า
ชาหรือกาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล และขนมปังโฮลวีท 1 แผ่น
กลางวัน
ไข่ต้ม 1 ฟอง แครอทต้ม และสลัดผัก
เย็น
ผลไม้และโยเกิร์ต
วันที่ 5
เช้า
ชาหรือกาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล
กลางวัน
ปลาย่างและผักต้ม
เย็น
สเต็กหมูหรือปลาย่าง และสลัดน้ำใส
วันที่ 6
เช้า
ชาหรือกาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล
กลางวัน
ไก่ย่างไม่เอาหนัง
เย็น
ไข่ต้ม 2 ฟอง และแครทต้ม
วันที่ 7
เช้า
ชาหรือกาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล
กลางวัน
ผลไม้
เย็น
ทานอะไรก็ได้ตามอิสระ


ในวันที่ 7 มื้อสุดท้ายของโปรแกรมนี้ เลือกทานได้ตามสบาย ไม่จำกัดปริมาณค่ะ เป็นการลดความเครียดอันเกิดจากการควบคุมอาหาร แต่ขอแนะนำว่า...ไม่ควรจัดงานฉลองออกจากโปรแกรมควบคุมน้ำหนักด้วยอาหารมื้อใหญ่นะคะ โดยเฉพาะที่เต็มไปด้วยไขมันหรือน้ำตาล ไม่ควรอย่างยิ่ง...

สูตรลดน้ำหนัก 2: ลดน้ำหนัก 5-9 กิโลกรัม ภายใน 2 สัปดาห์

สูตรนี้จะค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป แต่ต้องควบคุมอาหารที่รับประทานอย่างเข้มงวดตลอดเวลา 2 สัปดาห์นะคะ

ถ้าสนใจ ก็มาเริ่มปฏิบัติกันได้เลย…

ตารางลดน้ำหนัก 5-9 กิโลกรัม ภายใน 2 สัปดาห์
วันที่ 1
เช้า
กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล
กลางวัน
ไข่ต้ม 2 ฟอง ผักขมจีน ทำอะไรก็ได้ ใส่เกลือน้อยๆ
เย็น
เนื้อสันทอด สลัดผักเขียว และผลไม้อะไรก็ได้
วันที่ 2
เช้า
กาแฟดำ ขนมปัง 1 ก้อน (3 แผ่น)
กลางวัน
สเต๊กก้อนใหญ่ สลัดผักเขียว และผลไม้
เย็น
หมูแฮมต้ม ตามต้องการ
วันที่ 3
เช้า
กาแฟดำ ขนมปัง 2 ก้อน (5 แผ่น) ทามาการีนได้นิดหน่อย
กลางวัน
ไข่ต้ม 2 ฟอง สลัดผัก และมะเขือเทศ ตามต้องการ (น้ำสลัดใสได้)
เย็น
แฮมต้ม ตามต้องการ (ทาซอสได้)
วันที่ 4
เช้า
กาแฟดำ ขนมปัง 1 ก้อน (3 แผ่น)
กลางวัน
ไข่ต้ม 1 ฟอง แครทต้ม กับเนยแข็ง
เย็น
ผลไม้ และโยเกิตเปรี้ยว
วันที่ 5
เช้า
กาแฟดำ แครอทต้มใส่มะนาว
กลางวัน
ปลานึ่ง และมะเขือเทศ (ปลานึ่งมะนาว)
เย็น
สเต๊ก และสลัดผักเขียว
วันที่ 6
เช้า
กาแฟดำ ขนมปัง 1 ก้อน (3 แผ่น)
กลางวัน
ไก่ย่างตามต้องการ (ทาน้ำจิ้มได้)
เย็น
ไข่ต้ม 2 ฟอง และแครท
วันที่ 7
เช้า
ชา ใส่มะนาว
กลางวัน
ผลไม้ ตามต้องการ (ทุกอย่าง ยกเว้น ทุเรียน มะขามหวาน ลำไย)
เย็น
ทานอะไรก็ได้ตามต้องการ
วันที่ 8 เริ่มต้นเหมือน วันที่ 1 แล้วปฏิบัติอย่างเดิม จนครบ 2 สัปดาห์ หรือ 14 วันต่อเนื่อง

หลังจากนั้น อยากทานอะไรก็ได้ตามใจอยาก แต่ในระหว่าง 2 สัปดาห์ ต้องปฏิบัติตามเคร่งครัด ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และน้ำอัดลมอย่างเด็ดขาด น้ำหนักจะลดลง 5-9 กิโลกรัม แล้วน้ำหนักจะไม่ขึ้นอีก 3 ปี

หมายเหตุ: ปริมาณ หากไม่ระบุ สามารถทานจนอิ่มได้



ถ้าได้ผลอย่างไรมาบอกกันบ้างนะคะ

สูตรลดน้ำหนัก 1: ลดน้ำหนัก 9 กิโลกรัม ภายใน 1 สัปดาห์

สูตรนี้ต้องอย่าลืมว่า ก่อนรับประทานอาหารต้องดื่มน้ำอย่างน้อย 2 แก้ว งดน้ำตาล ของมัน และของทอดอย่างเด็ดขาด

มาเริ่มกันเลย อย่ารอช้า...

วันที่ 1
เช้า : น้ำผลไม้คั้น หรือ โยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น : สลัดผัก

วันที่ 2
เช้า : น้ำผลไม้คั้น หรือ โยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น : สลัดผัก

วันที่ 3
เช้า : กาแฟไม่ใส่น้ำตาล หรือ โยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน : เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม (หมู, เนื้อ )
เย็น : สลัดผัก

วันที่ 4
เช้า : น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟดำและขนมปัง 1 แผ่น
กลางวัน : สลัดผัก และไก่ย่าง 1 ชิ้น
เย็น : โยเกิร์ต 1 ถ้วย

วันที่ 5
เช้า : น้ำผลไม้คั้น หรือ กาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
กลางวัน : ส้มตำ และไก่ย่าง 1 ชิ้น
เย็น : สลัดผัก

วันที่ 6
เช้า : น้ำผลไม้คั้น หรือ กาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
กลางวัน : ปลานึ่ง หรือ ปลาเผา ไม่จำกัด
เย็น : สลัดผัก

วันที่ 7
เช้า : ข้าว 1 ทัพพี และเนื้อ 1 ชิ้นหรือไข่ต้ม 1 ฟอง
กลางวัน : เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม (หมู, เนื้อ)
เย็น : สับปะรด 1 ชิ้น

เพียงแค่ 7 วันเท่านั้น... แต่น้ำหนักจะลดลงถึง 9 กิโลตามสูตรนั้น ขึ้นกับสภาพของร่างกายและพฤติกรรมของแต่ละคน ถ้าจากประสบการณ์ที่ผ่านมาน้ำหนักจะลดลงประมาณ 3-5 กิโล เนื่องจากกิจกรรมที่เป็นอยู่ในแต่ละวันไม่ค่อยได้ใช้พลังงานอะไรมาก

แต่ตอนนี้ขอแบ่งปันสูตรให้ไว้ก่อน แล้วได้ผลอย่างไรมาบอกกันบ้างนะคะ

24/12/50

99 ประโยคดีๆ ของคำว่ารัก ^^

99 ประโยคดีๆ ของคำว่ารัก ^^
1. คนที่บอกว่าตัวเองมี"รักแท้" คือคนที่ไม่รู้จัก คำว่า “รัก" เลย

2. ถ้าสีต่างๆคือตัวแทนของความรู้สึก ความรักที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่ความรักที่ไม่มีสี แต่กลับเป็นสิ่งที่มีสีเยอะที่สุดบนโลก

3. ถ้าแผ่น VCD คือ ความรัก คงจะไม่มีเทคโนโลยีใดๆบนโลกที่จะ อ่านมันได้เข้าใจที่สุด

4.ความรักจะกลายเป็นสิ่งไร้ค่า ถ้าเอามาเป็นตัวแทนของคำโกหก

5. ถ้าเสตอริโอ เป็นความรักของคนคนหนึ่งที่มีให้คุณ จงจำไว้ว่า ถ้าตราบใดที่ คุณ ยังไม่เปิด Volume คุณจะไม่มีวันรู้เลยว่าจริงๆแล้วเขารักคุณหรือไม่

6. ความรักเป็นบ่อเกิดของความเกลียด แต่จงจำไว้ ถ้าไม่มีเกลียด ก็จะไม่มีรัก

7. Sex ไม่ใช่การแสดงออกของความรัก แต่เป็นเพียงส่วนประกอบส่วนหนึ่งของความรักเท่านั้น

8. ทุกครั้งที่คุณด่าคนที่แอบรักคุณว่า "โง่" คุณรู้ไหมว่า คุณ โง่ กว่าเขา 10 เท่า

9. "คนรักกัน" ก็เหมือนไม้บรรทัด ที่ ทั้งสองด้านมี เรา และ เขายืนอยู่ ถ้าไม่ลองเดินเข้าหากัน มันก็เป็นแค่ "คนที่เห็นหน้ากัน" เท่านั้น

10. ถ้าความรักเปรียบได้ดั่งไม้บรรทัด ที่ทั้งสองด้านมี เราและ เขายืนอยู่ จงเดินเข้าหากันในระยะที่เท่ากัน อย่าทำให้ความสมดุลของความรัก ต้องหักลง

11. ในช่วงเวลาที่คุณยืนอยู่คนละด้านของไม้บรรทัดแห่งความรัก.. จงตะโกนใส่เขาเสียบ้าง ให้เขาได้รู้ว่าคุณยังอยู่ตรงนี้ อยู่บนไม้บรรทัดแห่งความรักของกันและกัน

12. ในห้องนอนห้องหนึ่ง ถ้าคุณผู้ชายบอกเหล่าคุณผู้หญิงว่า "รักแล้วให้ไม่ได้หรอ?" จงจำไว้ว่า มัน "อาจ" จะเป็นการให้ความรักของเขา กลับคืนสู่เขาตลอดไปก็ได้

13. หัดเชื่อในลมปากของคำโกหกที่เบาๆ ดีกว่าต้องมาเจอการกระทำที่ร้ายแรง

14. ชีวิตที่ยังมีความหวัง ก็เปรียบได้กับ กลีบ ดอกไม้ ที่ยังล่องลอยอยู่ในอากาศได้ เพราะสายลมที่ชื่อว่า "รัก"

15. ทุกครั้งที่ผู้หญิงคนหนึ่งเสียความบริสุทธิ์ ให้แก่ผู้ชาย จงจำไว้ว่า ได้เกิดการสูญเสียของสิ่งที่ชื่อว่า "ความไม่ไว้วางใจ" ไปแล้ว และ "ความไว้วางใจ" ได้เข้ามาแทนที่ในหัวใจของผู้หญิงคนนั้นแล้ว

16. และถ้าเมื่อไหร่ ที่ความ "ไว้วางใจ" นั้นถูกหักหลังลงอย่างร้ายกาจ... สิ่งสุดท้ายที่จะเข้ามาแทนที่ คือ "ความเสียใจอย่างสุดจะหามิได้" นั่นเอง

17. คนที่คุณรัก อาจไม่ใช่คนที่รักคุณมากที่สุดบนโลกใบนี้

18. ในช่วงเวลา 1 วินาทีที่คุณคิดจะนอกใจ... เท่ากับคุณกำลังจะให้คนที่รักคุณคนหนึ่งต้องเสียใจไป 1 ปี

19. ความรักไม่มีนิยามที่ตายตัว ตั้งแต่วันแรกที่มันกำเนิดขึ้นมาบนโลกแล้ว

20. ถ้าใครที่บอกว่า มันผู้นั้นคือผู้ที่เข้าใจในความรักมากที่สุด คนผู้นั้น ไม่เคยเข้าใจในอะไรเลย

21. ความรักไม่มีนิยาม แต่มีความหมาย หลากร้อยหลายพัน Species

22. ไม่มีใครบนโลกสามารถให้นิยามแก่ความรักได้ แต่ ให้นิยามแก่ความรักของ "ตนเอง" ได้

23. โชคชะตา ไม่ได้เป็นส่วนประกอบที่ทำให้เกิดความรัก แต่เป็นสิ่งที่ทำให้ความรัก โผล่ขึ้นมาให้คุณได้เห็น

24. พรหมลิขิต เขียนทุกอย่างขึ้นมาในชีวิตคุณ แต่มันไม่อาจเขียนให้คุณรักใครได้

25. โชคชะตา กัน พรหมลิขิต เป็นแค่สองสิ่งที่มารวมกัน เพื่อให้คนสองคนได้เจอกันเท่านั้น

26. ความรักสามารถเป็นอะไรก็ได้ที่คุณอยากให้เป็น แค่เพียงคุณจะนึกถึงมันออก

27. 99.99% ของผู้ชายบนโลก รักผู้หญิงที่ภาพรวม ไม่ใช่ความรู้สึก และนิสัย หรือรูปร่างเพียงอย่างเดียว

28. 99.99% ของผู้หญิงบนโลก ที่จะไม่รักผู้ชายที่ไม่มีอะไรเลย ให้เธอ

29. แก้วน้ำ คือตัวอย่างของความรักที่ไม่มีวันเต็ม

30. ธรรมชาติของผู้ชาย คือ ความรักต่อสิ่งที่สวยงามในผู้หญิง

31. ธรรมชาติของผู้หญิง คือ ความรักต่อสิ่งที่ตนเองเป็นเจ้าของ

32. หายากนักที่จะหาคู่รักสักคู่บนโลกที่ ใช้ "Eye Contact" ในการสื่อสารต่อกันได้

33. ความเร็วของแสง คือ เลขที่เอาไว้แทนค่า ความไวต่อความเจ้าชู้ ของผู้หญิงที่มีต่อผู้ชาย

34. ความรัก ไม่ใช่ Sex

35. ความรัก กับ Sex เหมือนกระดาษ 1 แผ่น ที่ ด้านหนึ่ง คือ "ความรัก" และอีกด้านหนึ่ง คือ "Sex" ซึ่งจะทำให้คุณได้รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องเดียวกัน แต่เป็นเรื่องที่อยู่ใกล้กันที่สุดนั่นเอง

36. ความรักที่มากที่สุดที่คุณจะได้จากเพื่อน คือ "เพื่อนรัก" เท่านั้น

37. คนที่กลัวความรัก คือคนที่กลัวทุกสิ่งบนโลกใบนี้

38. ความหึงหวง ไม่ใช่การแสดงความเป็นเจ้าของ แต่เป็น ส่วนหนึ่ง ของ คำพูดที่บอกกับอีกคนหนึ่งว่า " ฉันรักเธอนะ และไม่อยากให้เธอไปไหน"

39. ความรัก เหมือนแม่น้ำที่ ไหล ย้อนกลับได้ ในคืนที่ ความเงียบเหงากัดกร่อนหัวใจจนเกินทน

40. เหตุผลของการหักหลัง เริ่มมาจาก การที่ "ไม่ได้รักจริง"

41. เจ็บเร็ว แต่ดีกว่าช้ำนาน

42. ความรักไม่ใช่ทุกสิ่งในชีวิต มันเป็นแค่ประสบการณ์ ถาวร ในความทรงจำ

43. เลือกที่จะรักมากกว่า เลือกที่จะ หลง

44. ถ้าใครบอกคุณว่า เขามีความรักเท่า ดวงดาวบนท้องฟ้า ที่ให้คุณ น่ะ.. มันไมได้รวมถึง ดาวหาง กับ ดวงอาทิตย์ ที่จะเก็บไว้ให้คนอื่น ด้วย (แถมใหญ่กว่า ตั้งหลายเท่า )

45. และถ้าเขาบอกว่ารักคุณเท่ามหาสมุทร เท่านั้นแหละมันได้ที่เก็บซ่อน สิ่งมีชีวิตในน้ำ (แห่งความรัก) ที่ไม่ใช่คุณ เป็นจำนวน หลาย ล้านๆๆ แล้ว

46. การอกหักคือประสบการณ์แห่งชีวิต

47. การอกหัก 1 ครั้งดีกว่า การต้องเก็บซ่อนความรักไว้ในใจ ถึง 1 แสนสองหมื่น 4 พัน เท่า

48. คนที่มีความรัก ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีคู่ครอง แต่ทุกคน มีความรัก ได้เหมือนกัน

49. ค่ายเพลงแห่งความรักที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยคือ Bakery Music

50. ความเหงา เป็นผลพลอยได้ จาก ความเสียใจที่เกิดจากความรัก

51. ผู้หญิงควรจะทำหนังสือ “พฤติกรรมแปลกประหลาดในด้านความรักของผู้หญิง" ให้คุณผู้ชาย อ่านเสียบ้างจริงๆ ตามที่ รอน บอก ในหนังสือ Harry Potter เล่ม 5

52. หนัง หรือ ภาพยนตร์ คือ สื่อที่ถูกนำมาแสดง เรื่องราวของความรักเยอะที่สุด

53. ไม่มีใครเข้าใจในรูปแบบของความรักของตน เท่าตัวของเราเอง... หรือแม้แต่คนที่รักเรา และ เรารัก

54. จุดอ่อนที่สุดของผู้หญิงในเรื่องความรักคือ "คิดมาก"

55. จุดอ่อนที่สุดของผู้ชายในเรื่องความรักคือ "การพยายามใช้โทรจิตบอกเหตุผล แทนคำพูด"

56. ผู้หญิงไม่ได้มาจากดาวศุกร์ และผู้ชายไม่ได้มาจากดาวอังคาร เพราะความรักของมนุษย์ เกิดขึ้นบนโลก

57. ผู้ชายจะเลวกว่า ห ม า เมื่อ เชื่อฟังผู้หญิงน้อยกว่า สุนัขนั่นเอง

58. รัก โลภ โกรธ หลง เป็นสิ่งที่อยู่ด้วยกัน แต่เลือกที่จะเก็บบางอย่างไว้ในใจได้

59. การโทรศัพท์ไปคุย กับคนรัก เป็นเวลา 18 ช.ม. อาจไม่เท่ากับ SMS ที่ส่งไปทำให้ คนรักยิ้มได้

60. ไม่มีสูตรใดบนโลกจะเอามาใช้คำนวณได้ว่า คนที่เป็นแฟนเรา รักเราแค่ไหนกัน

61. ยาที่ดีที่สุดเวลาที่ทะเลาะกับแฟนคือ "การนึกถึง 10 นาทีแรกที่ได้เป็นแฟนกัน"

62. เมื่อถึงเวลาที่ไม่เข้าใจกัน ไม่มีคำพูดใดๆ ดีกว่า คำว่า "ขอโทษ"

63. พร่ำบอกรัก พันล้านครั้ง ไม่เท่า บอกรักจากใจ แค่ครั้งเดียว

64. สำหรับผู้หญิง แหวนที่นิ้วนางซ้าย คือเครื่องหมายแห่งความผูกพัน

65. สำหรับผู้ชาย แหวนที่นิ้วนางซ้าย คือเครื่องหมายแห่งการตีตรา

66. คนที่ฆ่าตัวตายเพราะความรัก คือคนที่ไม่เคยเห็นค่าและไม่รู้จักในความรักเลย

67. บางคนเปรียบผู้หญิง เหมือนหนังสือ ที่รอให้มีคนมาค้นหาอ่าน บางคนอาจเป็นแค่กระดาษเพียงแค่แผ่นเดียว ในขณะที่บางคน อาจเป็นหนังสือ หลายหมื่นหน้าที่จะไม่มีวันอ่านหมด ... แล้วคุณรู้บ้างไหม? ว่า แฟนคุณ อ่านไปถึงหน้าไหนแล้ว???

68. ไม่มีคน ที่ไม่มีความรัก บนโลก

69. ทางออกที่ดีที่สุดเมื่อเริ่มจะรัก คือ เชื่อในความรัก ของเขา ให้เท่ากับของเรา

70. การกอด เป็นการแสดงความรักที่อบอุ่นที่สุด

71. ความรักกับมิตรภาพ เมื่อนำมาชั่งน้ำหนัก ล้วนเท่ากัน แต่คนที่ทำให้มันแตกต่างกัน คือ การกระทำของคุณ

72. หนังรักที่ดังและดีที่สุดในประเทศไทยคือ Noting Hill และ My Sassy Girl

73. เก็บคำว่า "ขอโอกาส" เอาไว้ ถ้าคำว่า "ขอโทษ" ยังไม่หลุดออกจากปากของคุณ

74. ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบคำว่า "โกหก"

75. ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบคำว่า "เธอดีเกินไป" และ "เราไปด้วยกันไม่ได้"

76. เพื่อนกับแฟน มีลักษณะคล้ายๆกัน ในขณะที่ เพื่อนมี มิตรภาพ และ แฟน มี ความรัก

77. ความรักที่แท้จริง ไม่มีเหตุผล ของการรักกัน

78. จงอย่าถาม ว่า "รักเราไหม?" แต่จงถามว่า "รักแค่ไหน?"

79. ความรัก ของพ่อแม่มีอยู่ในทุกที่.. แล้วความรักของเราอยู่ตรงไหน?

80. อย่าสนใจว่า "เราจะรักกันนานแค่ไหน?" แต่จงคิดว่า "เราจะรักอย่างไร?"

81. อย่าคิดถึงวันพรุ่งนี้ แต่จงคิดถึง ความรัก ในอีก สิบนาทีข้างหน้า

82. ถ้ามีอะไร จะสารภาพ อย่ารอให้ กำลังจะตาย แล้ว ค่อยโทรไปบอก

83. ไม่มีคำว่า "สายไป" สำหรับความรัก มีแต่คำว่า "มันไม่มีทางแล้ว" เท่านั้น

84. คนพิเศษ ไม่จำเป็นต้องพิเศษ สำหรับใคร แต่ พิเศษสำหรับเรา

85. ไม่มีความรักที่สมบูรณ์แบบ

86. ถ้าแค่การพูดคำว่ารัก มันยากนักล่ะก็ จงเก็บความเสียใจ เอาไว้ ตลอดไป ไว้คู่กัน

87. คุณไม่รู้หรอกว่า เขาจะเป็นเช่นไร จนกว่า คุณจะได้รักเขา

88. อย่าให้เขา และเรา เป็น คนนำ แต่จงให้ความรักเป็นตัวนำพาไป

89. อย่า มอง ความรักเป็นแค่คำพูดคำหนึ่ง ให้มอง ความรัก เป็น คำที่มีความหมายสำหรับเรา

90. ไม่มีใครรู้จักอีกฝ่ายหนึ่งได้ภายในวันเดียว ไม่งั้น คุณคงต้องต่อสายเสียบปลั๊ก แล้ว ดาว์นโหลด ข้อมูลจากอีกฝ่ายมา

91. ความรักที่อยู่ห่างไกลกันไม่มีในโลกยุคนี้ ถ้าคุณ ยังรู้จัก โทรหา ส่ง Mail หรือ SMS ให้แก่กันบ้าง

92. ความคิดถึง เกิด ขึ้นเพราะ ความรักที่ไม่มีที่ระบาย.. และเป็นเพียง ส่วนประกอบเล็กๆ น้อยๆของความรัก

93. จงอย่าพูดว่า "แค่นี้หรือ?" ... และ "เท่านี้หรือ?" จงพูดว่า "นี่คือเหตุผลหรือ?"

94. พื้นฐานของความรักที่ดี ประกอบ ด้วย "ความเชื่อใจ" "ความเข้าใจ" และ "การตัดสินใจ"

95. ทุกครั้งที่คุณจะถามอะไร กับคนรัก จงยอบรับและทำความเข้าใจในสิ่งที่เขาจะตอบเสียก่อน

96. ของขวัญ ในทุกโอกาส ไม่ใช่ตัววัดระดับความรัก แต่เป็นการแสดงออกรูปแบบหนึ่ง

97. ความผิดพลาดในความรัก มันจะเป็นแค่บทเรียน ถ้าทำความเข้าใจมัน

98. จงเชื่อในความรัก ก่อนที่จะ เชื่อในเหตุผล

99. สุดท้าย ความรักสำหรับ ไม่ใช่สิ่งที่สวยงามหรือไม่สวยงาม ไม่ใช่ สิ่งที่ดี หรือไม่ดี ไม่ใช่ ดอกไม้ ไม่ใช่ภูเขา ไม่ใช่ท้องฟ้า ไม่ใช่ สายลม และพายุ ไม่ใช่ ใครสักคน ไม่ใช่หนังสือ ไม่ใช่ซีดี ไม่ใช่คำพูด หรือ การกระทำ ไม่ใช่ ชีวิต ไม่ใช่ สิ่งของ และไม่ใช่โลกใบนี้..แต่มันเป็น เพียง

"ความรู้สึก.. สำหรับ คนที่คุณรัก..เท่านั้น.."

2/12/50

ทุ่งดอกทานตะวันจ้า

ทุ่งทานตะวัน

จังหวัดลพบุรี มีการปลูกทานตะวันมากที่สุดในประเทศไทย

คือ ประมาณ 200,000 – 300,000 ไร่
ดอกทานตะวันจะบานสะพรั่งในช่วงเดือนพฤศจิกายน – มกราคม
ทานตะวันเป็นพืชทนแล้ง เกษตรกรนิยมปลูกแทนข้าวโพด
เมล็ดทานตะวันมีคุณค่าทางโภชนาการ นิยมใช้สกัดทำน้ำมันปรุงอาหาร
หรืออบแห้ง เพื่อรับประทาน หรือใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง
และยังสามารถเลี้ยงผึ้งเป็นอาชีพส่งเสริมได้อีกด้วย
จึงทำให้ได้ผลผลิต คือ น้ำผึ้งจากดอกทานตะวันอีกทางหนึ่ง
โดยแหล่งที่ปลูกทานตะวัน จะกระจายอยู่ทั่วไปในเขตอำเภอเมือง
อำเภอพัฒนานิคม อำเภอชัยบาดาล พื้นที่ที่ปลูกเป็นจำนวนมาก
ได้แก่ บริเวณเขาจีนแล ใกล้วัดเวฬุวัน ตำบลโคกตูม อำเภอเมือง
การเดินทาง จากลพบุรี ใช้เส้นทางถนนพหลโยธิน (ลพบุรี-สระบุรี)

ถึงกิโลเมตรที่ 4 เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 3017 (ทางไปตำบลโคกตูม)
ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร จะถึงทางเข้าวัดเวฬุวัน (ด้านซ้ายมือ)
เลี้ยวเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงทุ่งทานตะวัน
สำหรับรถโดยสารประจำทาง มีรถสองแถวลพบุรี – วังม่วง
ผ่านทางเข้าวัดเวฬุวัน รถออกจากสถานีขนส่งลพบุรี
ระหว่างเวลา 06.00 – 17.30 น.
นอกจากนี้ยังมีแหล่งปลูกทานตะวันกระจัดกระจายไปตามเส้นทาง

ที่จะไปอำเภอพัฒนานิคม บริเวณช่องสาริกา (เข้าทางวัดมณีศรีโสภณ)
ริมทางหลวงหมายเลข 21
สอบถามบริเวณพื้นที่ปลูกทานตะวันก่อนการเดินทางได้ที่

ททท.ภาคกลาง เขต 7 (ลพบุรี)

18/10/50

รู้ใหม...ผู้หญิงต้องการอะไรจริงๆ

> กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว..... อาเธอร์ถูกจับและจะประหารชีวิต แต่กษัตริย์เสนอให้เขาเป็นอิสระ
> > > ถ้าหากเขาสามารถตอบปัญหาแสนยากข้อหนึ่ง ได้ถูกต้อง
> > > อาเธอร์มีเวลาหาคำตอบ 1 ปีเต็ม ถ้าเขาตอบไม่ได้ เขาก็จะถูกประหาร
> > > > > คำถามนั้น คือ ............สิ่งที่ผู้หญิงต้องการจริงๆ คืออะไร ?"
> > > ปัญหาดังกล่าวช่างยากเย็นจนแม้นักปราชญ์ที่ฉลาดก็ยังงุนงง
> > > เขากลับไปยังอาณาจักรของเขาและเริ่มหาคำตอบจากทุกผู้คน แต่ไม่มีใครให้คำตอบที่น่าพอใจได้
> > > คนส่วนมากจะแนะนำให้เขาไปปรึกษาเรื่องนี้กับยายแม่มดแก่ ซึ่งน่าจะเป็นผู้เดียวที่จะรู้คำตอบ
แต่ราคา > ค่าปรึกษาคงจะแสนแพง > > > > แล้ววั นสิ้นปีก็มาถึง
> > > อาเธอร์ไม่มีทางเลือกอื่น แม่มดตกลงจะให้คำตอบ
> > > แต่อาเธอร์ต้องยอมรับเงื่อนไขแลกเปลี่ยนก่อน
> > > นังแม่มดต้องการแต่งงานกับกาเวน อัศวินผู้ทรงเกียรติสูงสุดของเหล่าอัศวินโต๊ะกลม และเป็นเพื่อนที่ > สนิทที่สุดของอาเธอร์
> > > อาเธอร์หนุ่มถึงกับสยองขวัญเพราะยายแก่หลังโกงเหม็นก็เหม็น มีฟันเหลือซี่เดียว ตัวก็เหม็นเหมือนถัง
> ส้วมชอบทำเสียงประหลาดน่ารังเกียจ > > > > >>>>>>>>
>>เขาปฏิเสธที่จะให้เพื่อนรักแต่งงานกับหล่อน
> > > ฝ่ายกาเวนพอได้รับรู้ถึงข้อเสนอนั้น เขายอมแต่งงานเพื่อชีวิตของอาเธอร์ และการดำรงอยู่ของอัศวิน > โต๊ะกลม
> > > และยายแม่มดก็ให้คำตอบต่อคำถามของอาเธอร์ > > > " สิ่งที่ผู้หญิงต้องการจริงๆ ก็คือการได้เป็นตัวของตัวเอง "
> > > ทุกคนทราบได้ทันทีว่าแม่มดได้กล่าวอมตะวาจาอันยิ่งใหญ่ และอาเธอร์ก็รอดพ้นจากการประหารแน่นอน
&g t; > > และก็เป็นเช่นนั้นจริง > > > > >>>>>>>> >> > > > แต่ทว่า........งานแต่งงานของกาเวนกับนังแม่มดช่างเหลือรับจริงๆ > > > > >>>>>>>> >>กาเวนสง่าผ่าเผยเช่นปกติ ทั้งสุภาพอ่อนน้อม
> > > ส่วนฝ่ายนังแม่มดเฒ่านั้นออกลายนิสัยเลวสุดเดช ทั้งกินมูมมามด้วยสองมือ ทั้งเรอ ทั้งตด
> > > ทุกผู้คนต่างรู้สึกอึดอัด และแล้วยามค่ำของวันส่งตัวก็มาถึง
> > > กาเวนได้ปลอบตนเองพร้อมรับคืนสยองเขาก้าวเขาสู่ห้องนอนวิวาห์ > > > > >>>>>>>> >>ช่างไม่เชื่อสายตาตนเอง!!!! > > > > >>>>>>>> >>หญิงสาวแสนสวยที่สุดที่เคยพบพานนอนรออยู่เบื้องหน้า
> > > กาเวนงุนงง ???? สาวแสนสวยเฉลยว่า เพราะกาเวนช่างแสนดีกับหล่อน (เมื่อยามเป็นแม่มด) > >
> > >>>>>>>> >>ดังนั้นครึ่งหนึ่งของวัน เธอจะอยู่ในสภาพพิกลพิการน่ารังเกียจ > > > > >>>
>>>>> >>ส่วนอีกครึ่งหนี่งของวัน เธอจะอยู่ในร่างแสนสวยนี้ > > > > >>>>>>>> >>กลางวันเขาอยากให้เธอเป็นแบบไหน? > > > > >>>>>>>>กลางคืนอยากให้เป็นแบบไหน? > > > เป็นคำถามที่ช่างโหดร้าย!!! > > > กาเวนเริ่มคิดไตร่ตรอง
> > > หญิงสาวสวยยามกลางวันเพื่ออวดต่อเพื่อนฝูง แต่กลางคืนเมื่ออยู่สองต่อสองเป็นยายแม่มด?
> > > หรือว่าเขาควรจะเลือกยายแม่มดตอนกลางวัน แล้วได้สาวสวยเพื่อเริงระบำยามค่ำคืนดี?? >
>> > > > เป็นคุณหล่ะ คุณจะเลือกอย่างไร ??? กรุณาหยุดคิดสักนิดเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ค่อย scroll ลงไปอ่าน > นะ > > > > >>>>>>>> >> > > ; > > >>>>>>>> >>ยังไม่ถึง > > > > >>>>>>>> >> > > > > >>>>>>>> >>อีกหน่อยนะ > > > > >>>>>>>> >> > > > > >>>>>>>> >>ใกล้แล้ว ๆ > > > > >>>>>>>> >> > > > > >>>>>>>> >>เอาละ.. ถึงเสียที > > > > >>>>>>>>
>>(เมื่อได้คำตอบของคุณแล้ว > > > > >>>>>>>> >>อ่านคำตอบของกาเวนที่อยู่ข้างล่างนี้ ) > > > > >>>>>>>> >> >
> > กาเวนตอบว่า "เขาขอมอบให้เธอเป็นผู้ติดสินใจเลือกเอง" > >
> เมื่อเธอได้ยินดังนั้น เธอจึงประกาศก้องว่าเธอจะสวยตลอดเวลา เพราะ เขาได้ให้ความเคารพและให้
> เธอเป็นตัวของตัวเอง > > > > >>>>>>>> >> > > > > >>>>>>>> >>นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า...
> > > > >>>>>>>> >>1.. ผู้หญิงไม่ว่าจะสวยหรือจะน่าเกลียด ลึกๆ ข้างในเธอก็คือ "แม่มด" > > >
>>>>>> >>2.. ผู้หญิงจะกลายร่างเป็นแม่มดหรือเป็นสาวแสนสวยเมื่อไหร่นั้นขึ้นอยู่กับความ > ประพฤติของผู้ชาย

วิตามินซี กับอาหารประเภทกุ้ง

ไต้หวัน-- -- หญิงคนหนึ่งเลือดออกทางทวารทั้ง 7 โดยไม่รู้สาเหตุ
เสียชีวิตในข้ามคืนเดียว จากการชันสูตรศพเบื้องต้น ลงความเห็นว่าตายเพราะพิษสารหนู
แล้วสารหนูมาจากไหนล่ะ ตำรวจเริ่มสืบสวนในวงกว้าง
และเชิญศาสตราจารย์นิติเวชมาร่วมคลี่คลายคดี ศาสตราจารย์ตรวจวิเคราะห์สิ่งตกค้างในกระเพาะ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เปิดโปงสาเหตุการตายฉับพลัน
"ผู้ตายไม่ได้ฆ่าตัวตาย ไม่ได้ถูกลอบสังหาร แต่ตายเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ถูกมันฆ่า" ศาสตราจารย์ฟันธง
ผู้คนงงเป็นไก่ตาแตก อะไรคือ"มันฆ่า" แล้วสารหนูมาจากไหน
ศาสตราจารย์กล่าวว่า สารหนูเกิดในกระเพาะผู้ตาย ผู้ตายกินวิตามินซีทุกวัน
นี่ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่เธอกินกุ้งจำนวนมากในมื้อเย็น กินกุ้งโดยลำพังก็ไม่มีปัญหา
คนในบ้านกินกันก็ไม่เห็นเป็นไร แต่ผู้ตายกินวิตามินซีพร้อมกันด้วย ปัญหาจึงเกิดตรงนี้แหละ

นักวิจัยมหาวิทยาลัยชิคาโกเคยทำการทดลอง
พบว่าสัตว์เปลือกอ่อนเช่นกุ้งมีสารประกอบอาเซนิกเข้มข้นในปริมาณสูง
สารประกอบชนิดนี้เข้าไปอยู่ในร่างกายก็ไม่มีพิษภัยอะไร แต่เมื่อรับประทานวิตามินซีพร้อมกัน
จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้สารประกอบเดิมที่มีสูตรเคมี As2O5 หรืออาเซนิกออกไซด์ซึ่งไม่มีพิษ
กลายเป็นสารประกอบที่มีสูตรเคมี As2O3 หรืออาเซนิกไตรออกไซด์ซึ่งมีพิษ
หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่าสารหนูนั้นเอง
พิษสารหนูจะทำให้การทำงานของเส้นโลหิตฝอยและเอนไซม์ของซัลฟีดรีลขัดข้อง

เกิดอาการเลือดคั่งในหัวใจ ตับ ไต และลำไส้ เซลล์ผิวหนังตายด้าน เส้นโลหิตฝอยขยายตัว
ดังนั้น ผู้ที่รับพิษจนตาย จะมีเลือดออกทางทวารทั้งเจ็ด
เพราะฉะนั้น ในระยะที่รับประทานวิตามินซี ต้องงดกินอาหารประเภทกุ้ง เพื่อความไม่ประมาท

ป่าไม้เมืองไทย..

แล้ววันนั้นก็มาถึงอยากส่งถึงทุกท่านในประเทศไทยจัง!!!
.. บางท่านอาจแปลกใจที่ทำไมธรรมชาติจึงได้โหดร้ายรุนแรงขึ้นทุกวันแต่สำหรับฉันแล้ว..
ไม่แปลกใจเลยสักนิดทำไมน่ะหรือ.. เพราะเห็นตำตาอยู่ทุกวี่วันแถมขยายวงกว้างออกไปอย่างรวดเร็ว.. ..ภาพแรกผืนพรมสีเขียว..ป่าอันอุดมสมบูรณ์ของลุ่มน้ำสาละวิน..
ที่มันยังคงเขียวอยู่ได้เพราะอยู่ห่างไกลผู้คน..
แถมดินแดนแถบนี้ยังมีการรบของชนกลุ่มน้อยอยู่ตลอดเวลา..
มีแต่ทหารเท่านั้นถึงจะกล้ามายังดินแดนแถบนี้.. .. เมื่อมีความเจริญ..มีการพัฒนา
(ในภาษาของธรรมชาติการพัฒนาของมนุษย์คือ..การทำลายล้างธรรมชาติ)
มีถนนลากยาวไปถึงไหนก็บรรลัยวายวอดที่นั่น..ป่าเริ่มถูกเปิดบริสุทธิ์..จุดเริ่มต้นของหายนะ.. ..
ท่านอาจไม่เชื่อว่ามนุษย์มีพรสวรรค์ในทางทำลายล้างอย่างหาสัตว์พันธ์ไหนมาทาบรัศมีได้ยาก
ภูเขาบางลูกมีอายุยืนยาวมานับร้อยนับพันปีแต่มนุษย์เพียงคนเดียวสามารถถากถางป่าจนเหี้ยนได้ภายในเวลาไม่กี่วัน
ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นจุดสีขาวๆ เล็ก ๆ อยู่ 2-3 จุดด้านบนขวามือนั่นเป็นกระท่อมหลังน้อยที่ผู้บุกรุกอาศัยอยู่..คนไม่น่าจะเกิน 5 คนแต่สามารถ่ทำลายป่าจนภูเขาหมดเป็นลูกๆ น่าชื่นชมซะไม่มี
เมื่อมีผู้ว่าราชการมารับตำแหน่งใหม่ๆ ท่านได้ขอ ฮ.ทบ.เพื่อบินสำรวจอาณาเขตป่าที่ท่านต้องรับผิดชอบก่อนขึ้นเครื่องท่านได้พูดถึงนโยบายที่วาดไว้สวยหรูเรื่องการอนุรักษ์ป่า จนฉันฟังแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก แถมยังแอบอมยิ้ม..
ท่านบอกว่ากับพวกฉันว่า"ถ้าระหว่างบินไปทำงานแล้วพบเจอว่ามีการตัดไม้ทำลายป่าให้แจ้งท่านเป็นการส่วนตัวได้ตลอดเวลา" ..ยิ่งบินลึกเข้าไปในป่า.เสียงของท่านผู้ว่า ฯ ก็เบาลงเรื่อยๆบางช่วงก็ถึงกับเงียบจนฉันต้องหันไปมองดูว่าท่านยังสบายดีอยู่หรือเปล่า
ฉันกลัวว่าท่านจะช็อกกับภาพที่เห็นกระจะตาอยุ่เบื้องล่างและเป็นการได้เห็นด้วยตาของตนเองต่างจากรายงานบนแผ่นกระดาษอย่างสิ้นเชิง ภูเขาหมดเป็นลูกๆ แบบนี้บ้านฉันเรียกว่า "วายวอด" ไม่ใช่การบุกรุกป่าแต่เป็นการทำลายล้างป่าต้นน้ำของประเทศไทยให้สูญพันธ์ไปอย่างรวดเร็วที่สุด ท่านผู้ว่าฯ ของฉันไม่ได้ถึงกับเงียบจนเกินไปนักเพราะบางช่วงแม้เสียงใบพัด ฮ.จะดังสนั่นหวั่นไหวหูฉันอาจฝาดไปก็ได้..เพราะฉันคิดว่าฉันได้ยินเสียงท่านผู้ว่าฯ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าอุดมการณ์อันแรงกล้าของท่านที่จะยืนหยัดรักษาป่าต้นน้ำไว้ให้ลูกหลานคนไทย จะยังคงเหนียวแน่นมั่นคงอยู่หรือเปล่า..ในยามที่ได้มาเห็นความจริงต่อหน้าต่อตาแบบนี้..
ไม้มีค่าจำพวก "ต้นสักทอง" จะถูกตัดโค่นและขนลำเลียงออกมาก่อนส่วนที่เหลือก็ไม่มีความหมายอันใด จัดการฌาปนกิจป่าทั้งป่าให้ไปสู่ที่ชอบที่ชอบ ยามเมื่อคนตัดไม้เหน็ดเหนื่อยยังมีเวลาได้พัก ตกกลางคืนก็มีเวลาได้นอนหลับพักผ่อนมีเวลาให้ป่าได้พักจากการถูกทำลายแต่การทำลายป่าด้วยวิธีการเผา ไฟป่าจะโหมไหม้ตลอด 24 ชม.
ไม่มีเวลาได้หยุดพักไฟจะลามต่อเนื่องกินพื้นที่นับร้อยนับพันไร่เพียงข้ามคืน ท่านลองดูด้วยตาจะเห็นว่าควันไฟจากการเผาทำลายป่ามันสามารถทำให้ป่าทั้งป่ามืดคลึ้มท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้ากลับกลายเป็นสีเทาผมไม่ได้หมายถึงป่าจำนวน 10 หรือ 100 ไร่แต่มันหมายถึงป่าที่ฉันมองไปจนสุดสายตาแต่ไม่เห็นอะไรเลย..นอกจากควันไฟ.. ..
แล้วเมืองก็ผุดขึ้นกลางป่า..กลางหุบเขา..รีสอรท์เอย..โรงแรมเอย..ไหนจะสนามกอล์ฟไร่ส้ม..พืชผักปลอดสารพิษ.ภาพนี้ถ่ายจากอำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่.. ..รีสอร์ทกลางหุบเขาของใครเอ่ยยย ขอเชิญท่านมาเป็นแขกของเราบรรยากาศท่ามกลางขุนเขา..อากาศบริสุทธิ์..และถ้าท่านใดเคยเป็นลูกค้ารีสอร์ทประเภทนี้
ขอยินดีกับท่านด้วยที่ท่านเป็นหนึ่งในผู้เห็นดีเห็นงามกับการทำลายป่าเงินของท่านจะได้เป็นส่วนหนึ่งของกองทุนในการทำลายป่าขยายกิจการของรีสอร์ทออกไปให้เจริญรุดหน้ายามที่ท่านตื่นขึ้นยาม เช้า..เดินไปออกไปชื่นชมธรรมชาติที่ระเบียงห้องพักของรีสอร์ท พร้อมกับสูดลมหายใจอันแสนบริสุทธิ์ของป่าเข้าไปเต็มปอดและรำพึงรำพันออกมาด้วยความสุขขอให้ท่านรับรู้ว่า..ป่ากำลังร้องไห้.
ความสุขของท่านยืนอยู่บนซากศพของต้นไม้นับร้อยนับพัน ลองนึกภาพดูว่าในร่องเขาแบบนี้..
ถ้าฝนตกลงมากระแสน้ำจากบนภูเขาจะไหลไปทางไหน..เป้าหมายของมันก็คือหมู่บ้านเชิงเขา
และเราก็จะได้เห็นภาพของการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินได้อ่านข่าวทั้งจากหนังสือพิมพ์และนั่งดูข่าวผ่านทีวีทุกช่องด้วยความตกอกตกใจว่ามันเป็นไปได้อย่างไร
ทำไมธรรมชาติช่างโหดร้ายกับมนุษย์ผู้ใสซื่อตัวเล็กๆคนตายก็ตายไป
พวกที่อยู่ก็ยังคงถากถางทำลายป่าแลกเงินกันต่อไปหามีจิตสำนึกไม่บทเรียนกี่ครั้งที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยให้เราฉลาดขึ้นเลยสักนิดธรรมชาติปรับตัวเป็นเรื่องปกติ แต่มนุษย์เองมิใช่หรือที่นำพาตัวเองเข้าไปอยู่ในที่ๆ ไม่ควรอยู่ เหมือนไปนอนอยู่กลางถนนท่ามกลางอันตรายจากรถยนต์ที่วิ่งผ่านไปมายามเมื่อมีการตายการสูญเสียเราจะโทษป่า โทษภัยธรรมชาติว่าโหดร้ายได้อย่างไรสองมือยังถากถางทำลายป่ากันไม่หยุด แต่ปากก็ร้องถามว่า ทำไมธรรมชาติจึงโหดร้ายนัก มันช่างไม่ยุติธรรมกับมนุษย์ตัวเล็กๆ เลยทำไมไม่ต่างคนต่างอยู่ ธรรมชาติมายุ่งกับมนุษย์ทำไม.
เฮ้อออออ...มนุษย์หนอมนุษย์..!!!
เมื่อฝนเริ่มตก..ด้วยความลาดชันของภูเขาดินที่ปราศจากการยึดด้วยรากของต้นไม้
เมื่อปริมาณน้ำยิ่งมากขึ้นดินก็ยิ่งมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นทุกทีจากการอมน้ำไว้ด้วยปริมาณมาก
แล้วมันก็จะพังทลายลงมา..ไหลลงไปรวมกันในร่องเขาพัดกวาดท่อนซุงที่มนุษย์ทิ้งไว้บนเขาลงมาด้วยยิ่งภูเขาสูงชันเท่าไร กระแสน้ำที่ไหลลงมาจะมีความเร็วและรุนแรงบ้าคลั่งพัดกวาดต้นไม้ชนิดถอนรากถอนโคน จุดหมายของพวกมันคือ หมู่บ้านและเมืองเบื้องล่าง หมู่บ้านในหุบเขา..
ตามเชิงเขาจะโดนถล่มก่อนเป็นการปลดปล่อยพลังครั้งแรกของมันในภาพไม่ใช่กองไม้จิ้มฟัน แต่เป็นซุงขนาดต่างๆ ไหลลงมาจากภูเขาเข้าถล่มหมู่บ้าน ขอย้ำว่า..มันคือท่อนซุงค่ะท่าน ..
มองไปทางไหนไม่เห็นอะไรเลย..นอกจากท่องซุงและทะเลโคลน.. ..
บริเวณนี้เคยเป็นนาข้าวลุ่มแม่น้ำที่เขียวขจี..แต่ตอนนี้มีแต่โคลนหนาเป็นฟุต.. ..
ลงมาดูที่พื้นด้านล่าง.คราวนี้เชื่อหรือยังล่ะครับว่าที่มองเห็นทางอากาศเหมือนไม้จิ้มฟันมันเป็นท่อนซุงจริงๆ ..กองนี้แยกไม่ออกเลยว่าอะไรเป็นอะไร.. ..เหลือเพียงเสาโด่เด่..
มันเคยเป็นอาคารเรียนมาก่อน จะมองเห็นซากของเสาธงที่เด็กๆ ใช้เคารพธงชาติยามเช้าด้านซ้ายมือ..

นายทุนรวยเอารวยเอา นอนสบายอยู่ในเมืองครับส่วนชาวบ้านเป็นเหยื่อรับจ้างตัดไม้ก็ถูกจับเวลาเกิดภัยจากธรรมชาติตัวชาวบ้านเองก็เป็นผู้รับเคราะห์ น่าสงสารที่สุดคือชาวบ้านตาดำๆ

ทำไปด้วยความไม่รู้ว่าผลที่ตามมาจะรุนแรงขนาดไหนเงินและทรัพย์สมบัติที่สร้างสมมาจากการรับจ้างตัดไม้ยามธรรมชาติมาทวงคืนต้องคืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยคือชีวิตของตัวเองหรือไม่ก็เป็นคนในครอบครัวที่ตัวเองรัก ป่าปิดไปนานแล้วครับ แต่ประตูหลังไม่ได้ปิดแถมยังเปิดกว้างกว่าประตูหน้าซะอีกนับจากวันที่ประกาศปิดป่าต้นไม้ยังคงถูกลำเลียงออกจากป่าไม่มีวันหยุดก่อนปิดป่า ป่าจะถูกตัดทำลายอย่างถูกกฏหมายจากเจ้าของสัมปทานเพียงกลุ่มเดียว ซึ่งเขาจะคอยสอดส่องไม่ให้ชาวบ้านเข้ามากอบโกยผลประโยชน์แข่งกับพวกเขาแต่พอปิดป่ายกเลิกทุกสัมปทานป่าก็กลายเป็นของสาธารณะพวกนายทุนเจ้าของสัมปทานเดิมก็แอบเข้าไปตัดชาวบ้านก็ร่วมสังฆกรรมด้วย ต่างคนต่างทำงานของตัวเองอย่างแข็งขัน ไม่มีใครว่าใคร..มือใครยาวสาวได้สาวเอา..สุดท้ ายก็..เละ ..
คนสมัยก่อนพึ่งพาอาศัยป่าด้วยความเคารพในฐานะที่ป่าคือชีวิตคือแหล่งอาหาร.คือแหล่งของสมุนไพรรักษาโรค คือที่อยู่อาศัย ทุกคนอยู่กันอย่างพอเพียงล่าสัตว์ได้ 1 ตัว ก็กลับบ้านกินหมดแล้วค่อยไปออกล่าหาเอาใหม่ ตัดไม้พอปลูกบ้านอาศัยก็เพียงพอแล้ว..ป่าก็สงบเรียบร้อย..แต่ปัจจุบันทุกอย่างเป็นเงินเป็นทอง..ทุกคนต่างแข่งขันกันสร้างฐานะไม่รู้จักพอ เพื่อสะสมเงินทองให้ได้มากที่สุดสุดท้ายทุกคนต้องมาร่วมกันชดใช้..เราต้องมาเผชิญกรรมร่วมกัน.. ไม่ว่าจะอยู่ในป่าหรือในเมืองความเดือดร้อนจากผลของการกระทำของคนเพียงหยิบมือได้ส่งผลมาถึงคนที่อยู่ในเมือง นับพัน..นับหมื่น..นับแสน..และนับล้าน..สะพานขาด..!!! .. ถนนพัง..!!!
ภาพชุดต่อไปเห้นชัดอย่างไม่น่าเชื่อ..แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าถ่ายภาพชุดนี้มาได้อย่างไรรีสอร์ทริมธารน้ำแสนสวย..เร่งปลูกสร้างเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาวที่จะมาถึง.. Before..!!!

..After..!!! ..And After..!!! ..And ๆๆๆๆๆๆ After..!!! ..จะมีสักวันใหมหนอ..!!!

วันที่มนุษย์ได้คิด..ว่าเราเป็นเพียงเถ้าธุลีเมื่อเทียบกับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่
เรากล้าประกาศก้องว่าเราสามารถเอาชนะธรรมชาติได้แต่เพียงธรรมชาติขยับตัวเพียงเบาๆ พวกเราก็ตายเกลื่อนวิ่งหางจุกก้น เราจะรู้กันหรือเปล่า..ว่าคนโบราณไม่เคยคิดจะเอาชนะธรรมชาติคิดเพียงว่าจะอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างไรให้เป็นสุข บรรพบุรุษของเรามีพิธีสักการะแม่โพสพพิธีขอขมาต่อสายน้ำและเรียกสายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตว่าแม่พระคงคา เรียกผืนแผ่นดินว่าแม่พระธรณี พวกเขาเคารพนบนอบต่อธรรมชาติและธรรมชาติก็หล่อเลี้ยง พวกเขาเป็นการตอบแทน..
ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันอย่างสงบสุข แต่ในวันนี้เราเนรคุณต่อธรรมชาติผู้มีพระคุณเราเหิมเกริมมองธรรมชาติเป็นบ่อเงินบ่อทองเพียงเพื่อตักตวงผลประโยชน์อย่างเห็นแก่ตัว ไม่มีการเคารพยำเกรงเหมือนบรรพบุรุษของเราเคยได้กระทำเมื่อลูกมันไม่รักดี..หยิ่งผยอง..ก็สมควรแล้วที่จะถูกท่านตบหน้าสั่งสอนฉาดใหญ่เพื่อให้ลูกๆ ได้สติแต่ลูกมันดื้อด้านไม่เคยจดจำ..บทเรียนที่ผ่านมาหลายต่อหลายครั้ง.. คราบน้ำตาที่ไหลอาบไปทั้งประเทศครั้งแล้วครั้งเล่าจากการสูญเสีย ไม่เคยสร้างบทเรียนใหม่ๆ ให้พวกเราได้รู้สำนึก..แต่พวกเรายังคงเดินย่ำอยู่บนหนทางเส้นเดิม..หนทางไปสู่หายนะที่ยิ่งใหญและรุนแรงกว่า.. ธรรมชาติทั่วโลกพร้อมใจกันเพิ่มดีกรีความรุนแรงมากขึ้นทุกที..
แต่เราก็ยังไม่เคยได้คิด..ยังคงมุ่งมั่นล้างผลาญทำลายธรรมชาติกันต่อไปด้วยอัตราการล้างผลาญที่มั่นคงสม่ำเสมอ..เราคงต้องโดนตบหน้ากันทุกปีและถูกตบถี่ขึ้นเรื่อยๆ เตรียมตัวเตรียมใจกันให้ดี..เราเตือนท่าน (เป็นครั้งที่ล้านเจ็ด) แล้ววว..!!!! .. ตอนยุค "ป่าสาละวิน" พวกผมบินผ่านและมองลงไปเห็นไม้นับพันท่อนผูกเป็นแพลอยอยู่เต็มแม่น้ำสาละวินก่อนที่มันจะกลายเป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศทุกวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้นยามเกิดภัยพิบัติครั้งใดเราก็จะบริจาคเพียงสิ่งของบรรเทาทุกข์ แต่ไม่เคยมีหน่วยงานใดเข้าไปให้ความรู้ชาวบ้านอย่างจริงจังเลยว่าที่พวกเขาต้องเจอกับสภาพเช่นนี้เป็นเพราะเหตุใด..เมื่อเหตุการณ์ร้ายๆ ได้ผ่านพ้นไปมันก็จะกลับมาเป็นหมือนเดิม..เหมือนที่มันเคยเป็น..
เหมือนไม่มีอะไรเคยเกิดขึ้น กรรมมันมีช่วงเวลาให้ผลครับ..ใครทำก็ต้องรับเอาไปไม่มีทางปฏิเสธส่วนจะช้าหรือเร็วไม่มีใครกำหนดได้..ข้าราชการหลายคนต้องถูกจับเข้าคุก ถูกปลดจากตำแหน่งและยึดทรัพย์..ครอบครัวต้องทนได้รับความอับอาย และถูกประนามจากคนรอบข้าง นายทุนบางคนเป็นอำมพาตร่ำรวยเงินทองแต่ต้องทุกข์ทรมานเงินสกปรกที่เพียรหามาช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิดบางคนหันมาเล่นการเมืองก็ถูกฆ่าจากฝ่ายตรงข้าม บางคนแม้จะมีหน้ามีตายศตำแหน่งใหญ่โตแต่ก็ต้องอมทุกข์แทบกระอักออกมาเป็นเลือดยามเมื่อสิ้นอำนาจวาสนา บางคนอาจต้องเข้าคุกตอนแก่แล้วเราจะได้เห็นกันว่ากฏแห่งกรรมมันเที่ยงตรงและยุติธรรมเพียงใด ..บางทฤษฏีเชื่อว่าป่า..ธรรมชาติรวมทั้งโลก..
มันมีชีวิต..โลกตั้งอยู่ได้ด้วยความสมดุลย์ถ้ามีจุดใดจุดหนึ่งขาดความสมดุลย์ มันจะปรับตัวเองเพื่อคืนเข้าสู่ความสมดุลย์ของมัน.. ถ้าป่าถูกทำลายป่าก็จะปรับตัวเองคืนเข้าสู่ความสมดุลย์..ต้นไม้ต้นไหนตายก็จะมีต้นใหม่เกิดขึ้นมาทดแทน..แต่เมื่อมีมนุษย์ระบบฟื้นฟูตัวเองก็ไร้ผล..เพราะป่าไม่มีโอกาสได้โงหัวจากการถูกทำลาย แม้สักวันมนุษย์ไม่เปิดโอกาสให้ป่าได้ฟื้นฟูตัวเอง และป่ามันมีระบบป้องกันตัวเองที่จะกำจัดผู้รุกรานหรือผู้ที่ทำอันตรายกับมันและตอนนี้ศัตรูตัวฉกาจและเป็นภัยอันใหญ่หลวงสำหรับธรรมชาติก็คือมนุษย์ตัวจ้อยแต่ใหญ่โตด้วยด้วยความอวดดี..เราเหมือนเด็กอมมือที่ไร้เดียงสาหยิบระเบิดมาแกะเล่น โดยไม่ได้รู้ถึงอันตรายที่กำลังจะตามตอนนี้ธรรมชาติอาจกำลังคบคิดกันตอบโต้เล่นงานมนุษย์..เพื่อความอยู่รอดของธรรมชาติและโลก..ลองดูข่าวสารจากทั่วโลกจะเห็นว่าธรรมชาติดูจะโหดร้ายขึ้นทุกวัน..ทั้งแผ่นดินไหว..ภูเขาไฟระเบิด..น้ำท่วมโคลนถล่ม..
ยุโรปมีคนตายจากคลื่นความร้อนบางปีนับหมื่นคน..เขตร้อนบางแห่งมีหิมะตก..แผ่นดินไหวกับประเทศไทยดูจะกลายเป็นเรื่องตลกถ้าพูดคุยเรื่องนี้กันเมื่อประมาณ 20 ปีก่อนแต่ทุกวันนี้เราไม่ใช่ประเทศผู้โชคดีที่จะรอดจากเหตุแผ่นดินไหวแบบ 100%
เมื่อก่อนถ้าใครพูดว่าไทยเป็นประเทศที่เสี่ยงกับการเกิดคลื่นสึนามิคนพูดคงถูกหาว่าบ้า..
แต่วันนี้พวกเรานั่งฟังกันด้วยความหวาดกลัวและวิตก

ที่มาของอายุ...คนเรา (จริงนะ)

ในวันแรกที่พระเจ้าสร้างโลกพระเจ้า
ได้สร้างวัวขึ้นคู่หนึ่ง และบอกกับวัวว่า
วันนี้เราได้สร้างเจ้าขึ้น ในฐานะของวัว เพื่อทำงานหนักกลางทุ่งนา
ท่ามกลาง แสงแดดจ้าทั้งวัน แล้วเราจะให้เจ้ามีชีวิตยืนยาว 50 ปี'
วัวย้อนกลับว่า 'ชีวิตที่ยากลำบากเช่นนี้ จะให้มีอายุยาวถึง 50ปีน่ะหรือ?ฮึ!
เมิน เสียเถอะ ขอแค่มีอายุเพียง 20 ปี ก็พอ แล้วล่ะ
เอาคืนไปเลย 30 ปีถ้าได้ก็โอเค' และพระเจ้าตอบตกลง

วันต่อมา พระเจ้า สร้างสุนัขขึ้น และบอกกับมันว่า
'เราสร้างเจ้าขึ้น ในฐานะของสุนัข หน้าที่ ของเจ้าคือ นั่งอยู่ที่ประตูบ้าน
และเห่าเมื่อมีคนเข้ามา แล้วเราจะให้เจ้ามีอายุยืนถึง 20 ปี'
สุนัขได้ฟัง ก็พูดขึ้นว่า 'นั่งเฝ้าหน้าประตูบ้าน 20 ปี!
ช่างเป็น ชีวิตที่น่าเบื่ออะไรเช่นนี้ ขอคืนชีวิต 10 ปีก็แล้วกัน' พระเจ้าตอบตกลง

วันต่อมา พระเจ้าสร้างลิงขึ้น และบอกกับ ลิงว่า 'เราสร้างเจ้าขึ้น ในฐานะของลิง
หน้าที่ ของเจ้าคือ สร้างความสนุกสนาน และใช้เล่ห์เหลี่ยมของลิง
หลอกล่อคน ให้หัวเราะ แล้วเราจะให้เจ้ามีอายุยืน 20 ปี'
ลิงได้ฟัง จึงตอบว่า'อะไรนะ..ทำให้ คนหัวเราะ ทำหน้าลิง และเล่ห์กลต่างๆ
ตั้ง 20 ปี นะเหรอ?ไม่เอาด้วยหรอก ขอ คืนชีวิตไป 10 ปี เหลือแค่10 ปีก็แล้ว กัน
' พระเจ้าตอบตกลง

วันต่อมา พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้น และบอกว่า
'เราสร้างเจ้าขึ้น ในฐานะที่เป็นมนุษย์ หน้าที่ของเจ้าคือ กิน นอน เที่ยว เล่นสนุกสนาน โดยไม่ต้องทำงานใดๆ
เราจะให้เจ้ามีชีวิต 20 ปี' มนุษย์ได้ฟัง
ก็ต่อรองว่า 'ชีวิตที่สบายเช่นนี้ แล้วท่านจะให้เรามีชีวิตแค่ 20 ปีนะเหรอ
เอาอย่างนี้ดีกว่า
เราขอชีวิตที่วัวคืนชีวิตให้ท่าน 30 ปี
สุนัข 10 ปี
และลิง 10 ปี มาเป็นของเรา
เพื่อให้เรามีอายุยืนถึง 70 ปี ตกลงไหม?' พระเจ้าตอบตกลง

นั่นเป็นเหตุผลว่า...ทำไมชีวิตของเรานช่วง
20 ปีแรกจึงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน กิน นอน เล่นและไม่ต้องทำอะไรมากมาย
30 ปี ต่อมา ต้องทำงานหนักทั้งวัน เพื่อสร้างครอบครัว
10 ปี ต่อมา เกษียณอยู่ที่บ้าน เฝ้าหน้าบ้าน และตะคอกคนที่ผ่านไปมา
10 ปี ต่อมา เป็นปู่/ย่า ตา/ยาย ที่ต้องทำหน้าลิง
และเล่ห์กลต่างๆเพื่อหลอกล่อหลาน!

17/10/50

เรื่องราวน่ารักๆ อ่านซะ..

คืนที่ฟ้าฉ่ำฝน ... ตายายคู่หนึ่งจูงมือ ค่อย ๆ พากันเดินเข้าร้าน McDonalds
>แลดูแปลกตาท่ามกลางเหล่าวัยรุ่นหนุ่มสาว
>สายตาหลายคู่จ้องมองมาอย่างชื่นชมในความรักที่ยืนยาวมากว่าครึ่งศตวรรษของสองตายาย
>ตาเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์สั่งอาหารชุด และชำระเงินอย่างคุ้นเคย
>ก่อนพายายไปเลือกหาที่นั่งริมในสุดของร้านตายายช่วยกันนำอาหารออกจากถาด ตาค่อย
>ๆ แบ่งแฮมเบอร์เกอร์ออกเป็น 2 ส่วน เอาเฟรนช์ไฟร์ออกมานับครึ่ง
>และจัดวางไว้ดูน่ารับประทานข้างหน้ายาย คว้าแก้วโค้กมาจิบหนึ่งอีก
>ส่งให้ยายรับไปจิบหนึ่งอึกก่อนจะวางไว้ตรงกลางเบื้องหน้าทั้งคู่
>ขณะที่ตาเริ่มกินแฮมเบอร์เกอร์ส่วนของตนอยู่
>บรรดาลูกค้าในร้านที่จับตาดูคู่ตายายมาตั้งแต่ต้นเริ่มรู้สึกกระสับกระส่าย
>หลายคนสะกิดกันพลางกระซิบ ......
>'น่าสงสารจังแกคงมีเงินพอซื้อได้แค่ชุดเดียวมาแบ่งกันมั้ง' ชายหนุ่มโต๊ะข้าง ๆ
>ถึงกับเดินเข้ามาหาพร้อมเสนอตัวขอเป็นเจ้ามือซื้อให้อีกชุดอย่างสุภาพ
>ตายิ้มรับความมีน้ำใจ แต่ปฏิเสธอย่างนุ่มนวลว่า
>'ไม่เป็นไรหรอกมีอะไรเราก็ต้องเอามาแบ่งกันอยู่แล้ว' เวลาผ่านไป
>ทุกคนเริ่มสังเกตว่า
>ยายได้แต่นั่งนิ่งจ้องมองตากินแฮมเบอร์เกอร์อย่างเอร็ดอร่อย
>ไม่ยอมแตะต้องส่วนของตน นอกจากหยิบโค้กขึ้นมาจิบ
>ชายหนุ่มคนเดิมตัดสินใจเข้ามาหาอีกครั้ง
>เอ่ยขอร้องให้เขาได้เลี้ยงคู่ตายายที่น่ารักนี้เถอะ
>คราวนี้ยายเป็นฝ่ายปฏิเสธอย่างอ่อนหวาน
>ยืนยันเหมือนเดิมว่ามีอะไรก็ต้องเอามาแบ่งกัน เมื่อตารับประทานเสร็จ
>ขณะหยิบกระดาษมาเช็ดปาก
>ยายก็ยังคงนั่งนิ่งดูสามีสุดที่รักอยู่อย่างนั้นราวกับกลัวว่าเขาจะไม่อิ่มจริงๆ
> ชายหนุ่มคนเดิมก็อดรนทนไม่ได้อีก
>เอ่ยปากอย่างจริงจังขอตายายอนุญาตให้เขาเลี้ยงสักครั้ง
>แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างสุภาพอีก ... ชายหนุ่มนึกสงสัย
>'ทำไมคุณยายไม่รับประทานบ้างเลยครับ ก็ไหนบอกว่ามีอะไรก็ต้องเอามาแบ่งกันไง
>คุณตาก็ทานเสร็จแล้ว ยังรออะไรอยู่หรือครับ? ' คุณยายตอบเนิบ ๆ ??
>'รอฟันปลอมจากตาน่ะหลานชาย...' (แหะ ๆๆ)